สุประวัติ ปัทมสูต

สุประวัติ ปัทมสูต เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2481 ที่กรุงเทพมหานคร เติบโตอยู่ในย่านคลองบางกอกน้อย ซึ่งทำให้ได้เที่ยวชมมหรสพตามงานประจำปีของวัดต่าง ๆ ที่มีอยู่จำนวนมากในละแวกนั้น จนเกิดสนใจในด้านการแสดง ทั้งลิเก ลำตัด รวมทั้งโขนสด มาตั้งแต่เด็ก เมื่อย่างเข้าสู่ชั้นมัธยมปลาย เขาได้ร่วมกับเพื่อน ๆ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ตั้งวงดนตรีเล่นตามงานต่าง ๆ เพื่อหาลำไพ่พิเศษ และต่อมาเมื่อย้ายไปเรียนที่โรงเรียนวัดพระเชตุพนตั้งตรงจิตวิทยาลัย (ปัจจุบันคือ วิทยาลัยพณิชยการเชตุพน) ด้วยความสามารถและบุคลิกที่ตลกโปกฮา อาจารย์ใหญ่จึงจับมาเป็นชุดนักแสดงตลกร่วมกับเพื่อนในวงดนตรีของโรงเรียน 


จากศิลปินสมัครเล่น สุประวัติเริ่มต้นอาชีพในวงการบันเทิงด้วยการไปสมัครเป็นนักแสดงละครวิทยุที่คณะของ เฉลาศรี ปิ่นสุวรรณ ซึ่งโด่งดังมากในขณะนั้น บทบาทแรกที่เขาได้รับคือผู้บรรยายละครวิทยุ จากนั้นจึงมีผลงานหลากหลายออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเล่นละครวิทยุคณะเสนีย์ บุษปะเกศ ร่วมเล่นละครดึกดำบรรพ์กับ สมภพ จันทรประภา ซึ่งได้แสดงทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวี ช่อง 4 บางขุนพรหม และต่อยอดทำให้เขาได้โอกาสเป็นพระเอกละครของช่อง 4 หลายเรื่อง  ในขณะเดียวกัน เขายังฉายแววด้านการทำงานเบื้องหลังจนได้รับโอกาสให้เขียนบทและกำกับละครโทรทัศน์ 


หลังจากคลุกคลีอยู่ในวงการโทรทัศน์จนสุกงอม ปี 2521 สุประวัติได้รับการชักชวนให้มาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ชีวิตนี้เพื่อเธอ เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานราชการที่กรมทรัพยากรธรณี ซึ่งทำควบคู่กับงานบันเทิงมานานหลายปี เพื่ออุทิศเวลาให้แก่งานกำกับภาพยนตร์อย่างเต็มที่ ในปีเดียวกันนั้นเขายังได้รับบทเด่นแสดงในภาพยนตร์เรื่อง คู่รัก (2521) ซึ่งได้รับการโปรโมตในใบปิดว่าเป็นพระเอกจากจอแก้ว 


ผลงานเบื้องหลังและเบื้องหน้าทั้งสองเรื่องนี้ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากแฟนภาพยนตร์ สุประวัติจึงโลดแล่นในเส้นทางจอเงินต่อมาอีกหลายเรื่องในทศวรรษ 2520 ควบคู่ไปกับงานจอแก้ว โดยมีผลงานแสดงภาพยนตร์ เช่น ยิ้มสวัสดี (2521) อยู่กับก๋ง (2522) แผลรัก (2522) รุ้งเพชร (2523) กามนิต-วาสิฏฐี (2524) พระเอกรับจ้าง (2525) แม่ดอกกระถิน (2526) บ้านสีดอกรัก (2527) สามเณรใจสิงห์ (2528) แม่ดอกรักเร่ (2529) ฯลฯ และผลงานกำกับภาพยนตร์ทั้ง รอยลิขิต (2522) รักเธอ...สุดหัวใจ (2523) พ่อจ๋า (2523) รักต้องโกย (2527) ก่อนจะค่อย ๆ ลดบทบาทในวงการภาพยนตร์ไปในช่วงทศวรรษ 2530 เหลือเพียงแต่งานโทรทัศน์เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ยังมีผลงานแสดงภาพยนตร์บางเรื่องที่กลายเป็นที่จดจำ โดยเฉพาะจากบทเด่นในภาพยนตร์ชุด สมศรี #422 อาร์. ทั้งสามภาค ระหว่างปี 2535-2538