อาภัสรา หงสกุล เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2490 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นลูกสาวของนาวาอากาศเอก (พิเศษ) เพิ่ม หงสกุล ผู้มีผลงานการแสดงและกำกับภาพยนตร์-ละครโทรทัศน์จำนวนมาก หลังจบการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนศึกษาวิทยา อาภัสราได้เดินทางไปศึกษาต่อที่รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย แต่ระหว่างนั้น เธอได้ถูกเรียกตัวกลับมาเพื่อให้เข้าร่วมประกวดนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2507 ซึ่งเป็นการประกวดครั้งแรกที่จัดขึ้น หลังจากว่างเว้นมานานนับตั้งแต่ที่รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม จัดการประกวดนางสาวไทยในงานฉลองรัฐธรรมนูญ ครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ศ. 2497
การประกวดนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2507 นี้ ได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่โดยสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเป็นครั้งแรกที่มีการส่งผู้ชนะการประกวดเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประกวดนางงามจักรวาลอย่างเป็นทางการ โดยองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อ.ส.ท.) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีสาวไทยเคยเข้าร่วมประกวดนางงามจักรวาลเพียง 2 คน คือ อมรา อัศวนนท์ รองนางสาวไทยประจำปี พ.ศ. 2496 ซึ่งออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปประกวดเอง และ สดใส วานิชวัฒนา (ปัจจุบันคือ ร.ศ. สดใส พันธุมโกมล) ที่เข้าร่วมประกวดนางงามจักรวาลใน พ.ศ. 2502 ขณะกำลังศึกษาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
ด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามอ่อนหวาน และความสามารถที่ชนะใจกรรมการ ทำให้ อาภัสรา หงสกุล สามารถคว้ามงกุฎนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2507 มาครองได้ ท่ามกลางสาวงามหลายสิบคนที่เข้าร่วมประกวดในปีนั้น รวมไปถึง อรัญญา นามวงศ์ และ เนาวรัตน์ วัชรา ซึ่งได้ตำแหน่งรองนางสาวไทย และกลายเป็นนางเอกภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงในเวลาต่อมา
ปีถัดมา พ.ศ. 2508 อาภัสราได้เดินทางเป็นตัวแทนจากประเทศไทยไปประกวดนางงามจักรวาล ณ เมืองไมอามี่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีสาวงามเข้าร่วมการประกวดถึง 57 ประเทศ โดยอาภัสราได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในผู้เข้ารอบ 15 คนสุดท้ายที่ได้ขึ้นเวทีในคืนวันตัดสินวันที่ 24 กรกฎาคม และในค่ำคืนแห่งความทรงจำนี้เอง สาวน้อยวัยเพียง 18 ปีผู้นี้ก็สามารถทำให้ประเทศไทยได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เมื่อเธอได้รับการตัดสินให้เป็นนางงามจักรวาล คนที่ 14 ของโลก นับเป็นคนที่ 2 ของทวีปเอเชีย และเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของไทย
เมื่อเดินทางกลับมายังมาตุภูมิ อาภัสรา หงสกุลก็ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะที่เป็นความภาคภูมิใจของประเทศ และได้เดินสายไปทั่วโลกเพื่อปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ในฐานะนางงามจักรวาลเป็นเวลา 1 ปี ก่อนส่งมอบมงกุฎให้แก่นางงามจักรวาลคนถัดไปในปี พ.ศ. 2509 ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดัง ทำให้ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ น้อย กมลวาทิน ผู้สร้างภาพยนตร์ไทยชื่อดัง ได้นำเธอมาแสดงภาพยนตร์ในฐานะนางเอกด้วยค่าตัวที่กล่าวกันว่าสูงที่สุดในประวัติการณ์ของนางเอกไทยในขณะนั้น โดยให้เธอประกบคู่กับ ลือชัย นฤนาท ในเรื่อง พรายพิฆาต ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จฯ ทอดพระเนตรในรอบปฐมทัศน์เพื่อการกุศล เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2510 ที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง นอกจากนี้ เธอยังได้ขับร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อ “เหมือนสิ้นใจ” และมีแผ่นเสียงออกวางจำหน่ายให้สาธารณชนได้สะสมชื่นชม
ปี พ.ศ. 2514 อาภัสราได้แสดงภาพยนตร์เพื่อการกุศลเรื่อง คนใจบอด ร่วมกับนักแสดงชื่อดังมากมาย อาทิ สมบัติ เมทะนี, เพชรา เชาวราษฎร์, ครรชิต ขวัญประชา ฯลฯ กำกับโดย เชิด ทรงศรี และได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนนักแสดงถวายพวงมาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งพระองค์เสด็จฯ ทอดพระเนตรภาพยนตร์เรื่องนี้ในรอบปฐมทัศน์เพื่อการกุศลที่โรงภาพยนตร์โคลีเซียม เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2514 แม้จะมีผลงานเพียงสองเรื่องดังกล่าว แต่การร่วมแสดงภาพยนตร์ของนางงามจักรวาลคนแรกของไทยนี้ ก็ถือเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของวงการภาพยนตร์ไทย และยังอยู่ในความทรงจำของผู้ชมร่วมสมัยเสมอมา
ชมภาพบรรยากาศกิจกรรมลานดารา อาภัสรา หงสกุล ได้ที่ <<คลิก>>