4 - 5 กรกฎาคมนี้ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ขอเชิญทุกท่านร่วมปิดฉากตำนานอันยืนยาวกว่า 51 ปีของโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลน แห่งสุดท้ายในกรุงเทพมหานคร กับโปรแกรม “La Scala ลา สกาลา” โปรแกรมฉายหนังครั้งสุดท้ายที่โรงภาพยนตร์แห่งประวัติศาสตร์นี้ โดยหอภาพยนตร์ได้คัดสรรภาพยนตร์ 4 เรื่อง มาฉายในโปรแกรมอำลา เริ่มด้วย Blow-Up หนังระทึกขวัญคลาสสิกของผู้กำกับชั้นครูชาวอิตาเลียน มิเคลันเจโล อันโตนิโอนี หนังชนะเลิศรางวัลกรังปรีซ์ รางวัลสูงสุดในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปี 2510 (รอบ 12.00 น.)
ตามมาด้วยภาพยนตร์สารคดี 2 เรื่องจากคนทำหนังไทย ในโปรแกรมควบ เริ่มด้วย The Scala สารคดีว่าด้วยความรุ่งเรืองและร่วงโรยของการอุทิศตัวของคนทำงานในโรงหนังสกาลา ซึ่งเป็นผลงานในโครงการเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เอเชีย โดยเทศกาลภาพยนตร์ปูซาน เมื่อปี 2559 ของ อาทิตย์ อัสสรัตน์ ต่อด้วย นิรันดร์ราตรี Phantom of Illumination สารคดีเชิงทดลองปี 2560 ของ วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย ที่เดินสายฉายตามเทศกาลต่าง ๆ มาแล้วทั่วเอเชีย ถ่ายทอดชีวิตของพนักงานฉายหนังของโรงหนังที่ต้องปิดตัวและถูกทุบทำลายลง (รอบ 15.00 น.)
ปิดฉากด้วยภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย Cinema Paradiso ผลงานของ จูเซปเป ทอร์นาทอเร หนังอิตาเลียนเรื่องดังที่เฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่และเสน่ห์ตรึงตาของโรงภาพยนตร์ ที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมมาแล้วทั่วโลก เป็นดั่งบทส่งท้ายให้แก่สกาลาในฐานะสรวงสวรรค์ของคนรักหนัง (รอบ 18.00)
เปิดจำหน่ายบัตร ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายนเป็นต้นไป ที่จุดจำหน่ายบัตรโรงภาพยนตร์สกาลา (จำกัดเพียงรอบละ 400 ที่นั่งเท่านั้น) ราคาบัตรรอบละ 140 และ 160 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. 02 482 2014 (หอภาพยนตร์) 02 251 2861 (โรงภาพยนตร์สกาลา)
บัตรชมภาพยนตร์ในโปรแกรม La Scala ตอนนี้ได้จำหน่ายหมดลงแล้วทุกรอบ
เงื่อนไขการเข้าชมภาพยนตร์ในโปรแกรม LA SCALA ลาสกาลา
1. เนื่องจาก มีผู้ต้องการชมภาพยนตร์แต่ละเรื่องจำนวนมาก จึงขอสงวนสิทธิ์ซื้อได้เรื่องละไม่เกิน 2 ใบ เพื่อแบ่งปันโอกาสพิเศษนี้ให้แก่คนรักหนังทุกท่านได้อย่างทั่วถึงมากที่สุด โดยจุดจำหน่ายบัตรจะมี 3 ช่อง แยกตามภาพยนตร์แต่ละเรื่อง (ยกเว้นเรื่อง The Scala และ นิรันดร์ราตรี ซึ่งรวมอยู่ในโปรแกรมเดียวกัน)
2. บัตรมีจำหน่ายที่โรงภาพยนตร์สกาลาเท่านั้น (ไม่ขายออนไลน์) ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน เป็นต้นไป หรือ จนกว่าจำนวนบัตรจะหมด
3. เวลาจำหน่ายตั๋ว
▶️ 27 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 10.00 น. – 16.00 น.
▶️ 3 กรกฎาคม 10.00 น. – 20.00 น.
▶️ 4 – 5 กรกฎาคม 10.00 น. – 18.00 น.
4. ผู้ที่มีบัตรเรื่อง The Graduate สามารถนำมาแลกบัตรในโปรแกรม La Scala ได้ 1 รอบ ที่จุดจำหน่ายบัตรของโรงภาพยนตร์สกาลา ตามราคาและจำนวนบัตรที่ท่านซื้อไป ทั้งนี้ หากบัตรในโปรแกรม La Scala ขายหมด หอภาพยนตร์ขอสงวนสิทธิ์ที่จะคืนเงินค่าบัตรเรื่อง The Graduate เท่านั้น โดยสามารถแลกรับเงินคืนที่จุดจำหน่ายบัตรเช่นกัน
5. การจัดที่นั่งและมาตรการในการชม ตามมาตรการรักษาระยะห่างของรัฐ
✔️ ผังที่นั่งฝั่งเลขคี่ จัดเป็นที่นั่งเดี่ยว เว้นระยะห่างระหว่างที่นั่ง 1 ที่ ส่วนฝั่งเลขคู่ จัดเป็นที่นั่งคู่ และเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่ง 2 ที่ โดยจัดที่นั่งระหว่างแถวแบบสลับฟันปลา
✔️ ก่อนเข้าชมจะมีการตรวจวัดอุณหภูมิ (อุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศา ขอสงวนสิทธิ์ไม่ให้เข้าชม) ให้บริการเจลล้างมือ และผู้เข้าชมต้องสวมหน้ากากอนามัย
✔️ การเข้าคิวซื้อบัตรและระหว่างรอชมภาพยนตร์ ให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร
6. โปรแกรมจัดฉายทั้ง 2 วันเหมือนกัน ตามเวลาต่อไปนี้
🎬 12.00 น. Blow-Up (111 นาที / คำบรรยายไทย)
🎬 15.00 น. โปรแกรมควบสารคดี (120 นาที / คำบรรยายอังกฤษ)
The Scala (52 นาที) ➕ นิรันดร์ราตรี Phantom of Illumination (68 นาที)
🎬 18.00 น. Cinema Paradiso (124 นาที / คำบรรยายไทยและอังกฤษ) (เต็มแล้ว)
เรื่องย่อ
BLOW-UP
1966 / ความยาว 111 นาที / กำกับโดย Michelangelo Antonioni / นำแสดงโดย Vanessa Redgrave, Sarah Miles, David Hemmings / สร้างโดย MGM, Premier Productions, Carlo Ponti Productions, Bridge Films
ภาพยนตร์รางวัลกรังด์ปรีซ์ปี 1967 จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ผลงานพูดภาษาอังกฤษเรื่องแรกของ มิเคลันเจโล อันโตนิโอนี ผู้กำกับชั้นครูชาวอิตาลี เล่าเรื่องของโทมัส ช่างภาพแฟชั่น ที่เชื่อว่าตัวเองได้ถ่ายภาพเหตุฆาตกรรมโดยไม่ได้ตั้งใจ จากการพบหลักฐานบนรูปถ่ายที่เขาถ่ายไว้ในสวนสาธารณะ Blow-Up เป็นหนังที่ว่าด้วยพลังของภาพถ่ายและมิติของการมองเห็น บนฉากหลังของสีสันและวัฒนธรรมใต้ดินของลอนดอนในช่วงทศวรรษที่ 1960
A countercultural masterpiece by the Italian master Michelangelo Antonioni, Blow-Up tells the story of a London photographer who believes he has inadvertently photographed a murder, only for the evidence to mysteriously disappear. Antonioni’s first English-language film is a stylish study of paranoid intrigue and disorientation, set in the heady colour and psychological seduction of the 1960s.
(ภาษาอังกฤษ คำบรรยายภาษาไทย / English with Thai subtitles)
------------------------------------------------------------------------------
CINEMA PARADISO
1989 / 123 นาที / กำกับโดย Giuseppe Tornatore / นำแสดงโดย Salvatore Cascio, Philippe Noiret, Jacques Perrin / สร้างโดย Cristaldifilm, Les Films Ariane, Rai 3, TF1 Films Production, Forum Picture
ภาพยนตร์อิตาลีที่ครองใจผู้ชมมาแล้วทั่วโลก เจ้าของรางวัลรองชนะเลิศจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ และรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ว่าด้วยเรื่องราวของ โตโต้ ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต และเดินทางกลับมายังบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดเพื่อร่วมงานศพของ อัลเฟรโด คนฉายหนังประจำโรงภาพยนตร์ท้องถิ่น ผู้ซึ่งเปรียบเป็นดั่งครูผู้สอนให้เขารู้จักการใช้ชีวิต และทำให้เขาหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก
A heartwarming story that captures the enchantment of movie theatres, Cinema Paradiso tells the story of Toto (Salvatore Cascio), a young boy who cultivates a friendship with Alfredo (Philippe Noiret), the projectionist working in a movie theatre in his small Italian town. Toto grows up, leaves town, falls in love and one day return to his village as a successful film producer to join the funeral of Alfredo, the friend and mentor who taught him about the beauty of life. The film won Special Jury Prize at the 1989 Cannes Film Festival and was named the Oscar’s Best Foreign Language Film in the same year.
(ภาษาอิตาลี คำบรรยายภาษาไทยและอังกฤษ / Italian with Thai and English subtitles)
------------------------------------------------------------------------------
THE SCALA
2015 / 52 นาที / กำกับโดย อาทิตย์ อัสสรัตน์ / สร้างโดย KBS Busan Headquarters, Busan International Film Festival, Pop Pictures
โรงภาพยนตร์สกาลา เปิดโรงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2512 มีความจุหนึ่งพันที่นั่ง และทุกคืนจะมีผู้ชมเต็มโรง ในสมัยนั้น การออกไปชมภาพยนตร์เป็นสิ่งวิเศษ โรงภาพยนตร์เป็นสถานที่ที่ผู้คนจะแต่งตัวดี นัดเที่ยวกับแฟนและตกหลุมรัก แต่ปัจจุบันทุกอย่างได้เปลี่ยนไป โรงภาพยนตร์แบบซีเนเพล็กซ์มีอยู่ในแทบทุกห้างสรรพสินค้า คนรุ่นใหม่ดูภาพยนตร์ผ่านจอโทรศัพท์มือถือ แต่ที่โรงภาพยนตร์สกาลายังคงดำเนินงานด้วยพนักงานคนเดิม ที่เริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่เริ่มกิจการ ปัจจุบันสกาลาเป็นโรงภาพยนตร์แบบแสตนด์อะโลน โรงเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยูในกรุงเทพฯ และในไม่ช้า โรงภาพยนตร์แห่งนี้อาจต้องเลิกกิจการเช่นกัน
สารคดีเรื่อง THE SCALA เป็นส่วนหนึ่งในชุดสารคดีที่อำนวยการสร้างโดย สถานีโทรทัศน์ KBS สาขาใหญ่ปูซาน และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ภายใต้ชื่อ “Power of Asian Cinema” ซึ่งเป็นโปรแกรมพิเศษที่จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ที่เฟื่องฟูของภาพยนตร์เอเชีย เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน
The Scala opened its door in December 31, 1969. It had one thousand seats and every night, they were filled. In those days, going to the movies was something special. The cinema was a place where people got dressed up, went on dates, and fell in love. But today, everything has changed. Multiplexes replace movie palaces and the young generation watch movies on their phones. But at The Scala, time has stood still. The cinema is still run by many of the same staff who have been there from the beginning. It is now the last stand-alone cinema left in Bangkok, but even the majestic Scala can’t withstand the tide of transformation.
THE SCALA is a part of Power of Asian Cinema, documentary series co-produced by KBS Busan Headquarters and the Busan International Film Festival.
(ภาษาไทย คำบรรยายภาษาอังกฤษ / Thai with English subtitles)
------------------------------------------------------------------------------
นิรันดร์ราตรี PHANTOM OF ILLUMINATION
2017 / 68 นาที / กำกับโดย วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย / สร้างโดย Eyedropper Fill
30 ปีที่แล้ว เรามีโรงหนังแบบแสตนด์อะโลนจำนวน 140 กว่าแห่งทั่วกรุงเทพฯ แต่เมื่อเวลาผ่านไปการเข้ามาของระบบฉายแบบดิจิทัลทำให้โรงหนังแสตนด์อะโลนถึงยุคสิ้นสุด และสูญหายไปตามกาลเวลา
ฤทธิ์ คือ คนฉายหนังคนสุดท้าย หลังจากโรงหนังปิดตัวลง ทักษะอาชีพตลอด 25 ปี ก็กลายเป็นทักษะที่ไร้ค่า ฤทธิ์ไม่สามารถเริ่มต้นอาชีพใหม่ได้ เนื่องจากไม่มีความสามารถอื่นนอกจากการฉายหนัง ทำให้เขาจำเป็นต้องอาศัยต่อในโรงหนังร้างทำหน้าที่เฝ้าดูแลอาคารและรักษาสถานที่ ในแต่ละวันฤทธิ์ไม่มีหน้าที่ใดต้องทำ เขาเลยมักหลีกหนีความทุกข์ด้วยการดื่มเหล้าและอ่านหนังสือธรรมะ จนบางครั้งสิ่งที่เขาพูดเป็นการผสมกันระหว่างความจริงกับการตีความของเขาเอง เวลาดำเนินไปอย่างเชื่องช้า และฤทธิ์รู้สึกหมดหวังที่จะใช้ชีวิตต่อ เขาจึงตัดสินใจกลับไปอยู่กับลูกเมียที่ทำอาชีพกรีดยางและเพื่อหาอาชีพใหม่ แต่สุดท้ายก็ค้นพบว่าไม่มีอาชีพใดที่สามารถให้ความหวังในการดำรงชีวิตต่อได้
“นิรันดร์ราตรี” ได้รับรางวัลชมเชยพิเศษจากการประกวดในเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก (CPH:DOX) สาย Next:Wave รวมทั้งยังเดินสายฉายตามเทศกาลภาพยนตร์ต่าง ๆ มาแล้วทั่วเอเชีย
Thirty years ago, Thailand had more than 140 stand-alone cinemas around Bangkok. With the arrival of digital cinema, the age of standalone cinema had ended. In Phantom of Illumination, we follow Rit, a film projectionist who suddenly becomes useless. He can’t start a new career because he has no other skills. Therefore, he continues to live in the cinema as a security guard. Rit does nothing but drinks and read dhamma book. His conversation is heady mix between truth and his interpretation of reality. For him, time passes slowly with nothing to live for. He decides to go back to his hometown to work in a rubber plantation. However, his new occupation cannot bring back his passion that has gone away with the film projector.
(ภาษาไทย คำบรรยายภาษาอังกฤษ / Thai with English subtitles)
------------------------------------------------------------------------------
- บทความ La Scala ลา สกาลา บทอำลาโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนแห่งสุดท้ายของกรุงเทพมหานคร