การพบกันในจดหมายข่าวฉบับปิดท้ายปี พ.ศ. 2568 ห้องสมุดฯ ได้เลือกหนังสือมาแนะนำทั้งหมดสามเล่มเกี่ยวกับเรื่องราวของ ชองทาล อัคเคอร์มาน (ค.ศ. 1950-2015) เธอเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ นักเขียนบท ศิลปิน และอาจารย์ชาวเบลเยียมที่มีอิทธิพลอย่างสูงในโลกภาพยนตร์ โดยเฉพาะในด้านภาพยนตร์ทดลองและภาพยนตร์แนวเฟมินิสต์ ผลงานภาพยนตร์ของ ชองทาล ห่างไกลจากการดำเนินเรื่องราวเป็นลำดับ เสมือนว่าการเล่าเรื่องในภาพยนตร์ของเธอพาพวกเราไปสู่ “พื้นที่หมุนเวียน” ซึ่งเราสามารถเคลื่อนย้ายไปมาตรงไหนก็ได้ในพื้นที่นั้น

ลักษณะความเป็นเอกลักษณ์ด้านภาพยนตร์ของชองทาลถ่ายทอดมาสู่ผลงานการเขียนหนังสือ My Mother Laughs (Ma mère rit) แปลโดย แดเนียลลา ชไรเออร์ (Daniella Shreir) จากภาษาฝรั่งเศสเป็นอังกฤษอย่างประณีตพิถีพิถัน โดยรักษาโทนเสียงและจังหวะของต้นฉบับไว้ได้อย่างน่าทึ่ง ชองทาลเขียน My Mother Laughs ออกมาในช่วงเวลาคู่ขนานกับการทำงานภาพยนตร์ No Home Movie ผลงานเรื่องสุดท้ายก่อนที่ชองทาลจะจบชีวิตในปี ค.ศ. 2015 หนังสือ My Mother Laughs จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ซิลเวอร์เพรส (Silver Press) ที่สนับสนุนแนวคิดเฟมินิสต์และความเท่าเทียมทางเพศ โดยชองทาลเขียนถึงช่วงเวลาที่เธอดูแลแม่ที่เจ็บป่วย สะท้อนความสัมพันธ์แม่ลูก ความเปลี่ยวเหงา ความทรงจำ และความตาย ที่ผสมผสานระหว่างเนื้อหาธรรมดาทั่วไปกับมุมมองเชิงปรัชญาอันลึกซึ้งเข้าด้วยกันตามแบบฉบับผลงานภาพยนตร์ชิ้นเอกของชองทาล อีกทั้งลักษณะการบรรยายด้วยโทนคำพูดที่ได้มาจากไฟล์บันทึกเสียงต่าง ๆ ของชองทาลที่เหล่าผู้ชื่นชอบในตัวเธอจะต้องรู้สึกคุ้นเคย แดเนียลลายืนยันในหมายเหตุของผลงานการแปลของเธอว่า ก่อนเริ่มแปลนั้น เธอได้ดูวิดีโอตอนที่ชองทาลพูดเป็นภาษาอังกฤษก่อน เพื่อให้เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และจังหวะการพูดเฉพาะตัวของชองทาลได้ดียิ่งขึ้น โดยแดเนียลลาอธิบายถึงรูปแบบการใช้ภาษาของชองทาลที่ไม่ได้สนใจกฎไวยากรณ์เลย พวกประโยคคำถามใส่เครื่องหมายคำถามบ้าง ไม่ใส่บ้าง เวลากล่าวถึงผู้พูดคนใหม่ก็ไม่ได้เกริ่นนำก่อนใด ๆ และกาลในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ใช้ก็ไม่ได้แม่นยำตลอดเวลา My Mother Laughs จึงเป็นงานเขียนที่ฉีกกฎและไม่ใช่งานเขียนธรรมดาทั่วไป เพราะเส้นทางชีวิตของชองทาลก็ไม่ธรรมดา แต่เป็นเส้นทางชีวิตที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย เสมือนคนที่แอบขึ้นเรือหรือรถและเป็นผู้โดยสารที่ทำตัวแย่ ตัวตลกของสังคม ผู้ปฏิเสธที่จะทำตามแบบแผนต่าง ๆ ที่สังคมกำหนดเอาไว้

สำหรับเล่มที่สองนั้น ชื่อหนังสือเป็นสีน้ำเงิน Chantal Akerman Retrospective Handbook อยู่บนปกสีครีมพื้นผิวเรียบ จัดพิมพ์โดยกลุ่ม อา โน อามูร์ (A Nos Amours) หรือทีมจัดโปรแกรมภาพยนตร์จากสหราชอาณาจักร ที่เน้นการฉายภาพยนตร์หายากและทรงพลังเพื่อส่งเสริมการชมภาพยนตร์ในฐานะประสบการณ์ร่วมทางวัฒนธรรม ก่อตั้งโดย โจแอนนา ฮ็อกก์ (Joanna Hogg) และ อดัม โรเบิร์ตส์ (Adam Roberts) ซึ่งทั้งสองเป็นผู้จัดทำหนังสือเล่มนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจากการจัดโปรแกรมภาพยนตร์ย้อนหลังของ ชองทาล อัคเคอร์มาน ในลอนดอน ระหว่างปี ค.ศ. 2013-2015 ซึ่งถือเป็นการจัดงานรำลึกที่ครบถ้วนที่สุดของเธอเท่าที่เคยมีมา โดยเรื่องราวต่าง ๆ ภายในเล่มแทบจะยกเอารายการสิ่งของล้านแปดอย่างของชองทาลแบบต้นฉบับมาใส่ไว้ เช่น งานวิจัย บทวิจารณ์ บทสนทนาสั้น ๆ ที่ดึงเอามาจากผลงานภาพยนตร์ของเธอ การนำบทสัมภาษณ์ บทความต่าง ๆ ที่ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกที่อื่นมาจัดทำใหม่อีกครั้งหนึ่ง รวมถึงบทความที่เกี่ยวข้องกับการจัดแสดงภาพยนตร์ของชองทาล การวิเคราะห์เชิงลึกถึงคุณลักษณะภาพยนตร์ (cinematic) ของชองทาลที่ส่งผลต่อวงการภาพยนตร์อย่างลึกซึ้ง ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์การฉายและการเข้าถึงภาพยนตร์ของชองทาล ซึ่งกระจัดกระจายและเข้าถึงยาก นอกจากนี้ ในหนังสือยังได้นำโพสต์บนบล็อกหลากหลายโพสต์ที่อดัมเขียนลงบนเว็บไซต์ อา โน อามูร์ (A Nos Amours) มาเทียบเคียงกับบทความต่าง ๆ ที่เขาเขียนร่วมกันกับโจแอนนาให้กับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน (The Guardian) และนิตยสารฟรีซ (Frieze) อีกด้วย

ส่วนปกหน้าของหนังสือ Chantal Akerman: Afterlives ที่มีภาพ ชองทาล อัคเคอร์มาน ขณะอยู่ในกองถ่ายภาพยนตร์ Un divan à New York (1996) บรรณาธิการโดย มารียง ชมิด (Marion Schmid) และ เอ็มมา วิลสัน (Emma Wilson) เป็นหนังสือที่รวบรวมบทความเชิงวิชาการเอาไว้มากกว่าหนังสืออีกสองเล่มข้างต้น อีกทั้งภาษาที่ใช้เขียนเกี่ยวกับทฤษฎีภาพยนตร์ก็มีลักษณะที่หลากหลายมาก เช่น บทความ Smokescreens: Notes On Cigarettes in Chantal Akerman ของนักวิชาการ อลิส แบล็กเฮิร์สต์ (Alice Blackhurst) เรื่องฉากสูบบุหรี่ในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ของชองทาลว่า บุหรี่ใช้สะท้อนความเป็นแม่ที่มีความซับซ้อนและย้อนแย้ง บุหรี่ใช้บ่งชี้ถึงหนทางที่เต็มไปด้วยความยากลำบากอันเป็นต้นตอของความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่มีทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน การสูบบุหรี่ในภาพยนตร์ของชองทาลไม่ใช่แค่พฤติกรรม แต่เป็น “ภาษากาย” ที่สื่อถึงความเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะในบริบทของผู้หญิงที่เป็นแม่ และเป็นการต่อต้านบทบาทแม่แบบดั้งเดิม การสูบบุหรี่กลายเป็นช่วงเวลาส่วนตัวที่เธอ “อยู่กับตัวเอง” ด้วยท่าทางการจุดไฟ การพ่นควัน การหยุดนิ่ง ทั้งหมดนี้เป็น “ท่วงทำนอง” ที่ชองทาลใช้ในการสร้างภาพของผู้หญิงที่มีความลึกซึ้งและไม่จำเป็นต้องพูด รวมถึงเป็นการสร้างพื้นที่ให้ผู้หญิงมีสิทธิ์ในความเงียบ ความลึกลับ ความพึงพอใจส่วนตัว โดยไม่ต้องถูกตีความหรืออธิบาย
ลักษณะผลงานส่วนใหญ่ของชองทาลอาจขึ้นอยู่กับความกล้าของเธอที่อยากจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกเราเป็นอยู่และมุมมองที่พวกเรามีต่อโลก หนังสือทั้งสามเล่มนี้จะตอบโจทย์ต่อความต้องการนั้นในทางที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของเนื้อหา มุมมอง วิธีการเขียน อาจถูกมองว่า “มีความแปลก” แต่ก็แปลกในทางที่ดี พูดง่าย ๆ ก็คือไม่มีการเรียงลำดับเรื่องราว ไม่ใช่การเขียนอธิบาย ไม่ทำตามกฎใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้เป็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ บทความที่อยู่ในหนังสือทั้งสามเล่มนี้ได้รับอิทธิพลการเขียนของชองทาลมาด้วย ซึ่งมักจะเขียนในมุมมองของบุคคลที่ 1 และบางครั้งก็เป็นการเขียนแนวอัตชีวประวัติ หลายบทความตั้งข้อสงสัยว่าอะไรในตัวของชองทาลที่ส่งอิทธิพลได้ในแบบเฉพาะตัวถึงขนาดนี้ ราวกับว่าศิลปินผู้นี้สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ต่าง ๆ ที่สะท้อนออกมาจากตัวตนของพวกเราหลาย ๆ คนได้อย่างไรอย่างนั้น
_______________________________