สัตว์ประหลาด !

ฟิล์ม 35 มม. / สี / เสียง / ความยาว 115 นาที

บริษัทสร้าง Anna Sanders Films, GMM Grammy PCL, Kick the Machine,  Thoke+Moebius Film, Downtown Pictures

ผู้อำนวยการสร้าง ชาร์ล เดอ โมช์ (Charles de Meaux)

ผู้กำกับ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

ผู้เขียนบท อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

ผู้กำกับภาพ วิชิต ธนาพาณิชย์, จรินทร์ เพ็งพานิช

ผู้ออกแบบงานสร้าง เอกรัฐ หอมลออ

ผู้ลำดับภาพ ลี ชาตะเมธีกุล

ผู้แสดง ศักดิ์ดา แก้วบัวดี, บัลลพ ล้อมน้อย, สิริเวช เจริญชนม์, อุดม พรหมมา, ฮวย ดีสม, สฤษฏิ์พงศ์ บุญยาติสนท์, อาณา รัตพันธ์, ดลฤดี ชะนะ,  มัณฑนา วรรณรส

ผู้บริจาค อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล


สัตว์ประหลาด ! โดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ถือเป็นหนึ่งในการปักธงชัยของภาพยนตร์ไทยในกระแสสำนึกของผู้ชมและนักวิจารณ์ทั่วโลก ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างทั้งความตื่นเต้น ความภูมิใจ ความประหวั่นจิต และความฉงนฉงายให้กับผู้ชมไปทั่วโลก  


สัตว์ประหลาด ! แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็นสองส่วน เรื่องราวตอนแรกเป็นเรื่องรักหวานละมุนของ เก่ง (บัลลพ ล้อมน้อย) ทหารหนุ่มวัย 35 ปี มีหน้าที่พิทักษ์ป่า และ โต้ง (ศักดิ์ดา แก้วบัวดี) ชาวบ้านวัย 20 ปี ลูกจ้างโรงงานน้ำแข็ง ส่วนเรื่องราวตอนที่สองนำเสนอความลึกลับในป่า ผีสางนางไม้ รวมไปถึงเวทมนตร์คาถาอันน่าสะพรึงกลัว การตามล่าเสือที่กินวัวตัวหนึ่งไป ซึ่งว่ากันว่าจะเป็นเสือสมิงอันมีสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์และสัตว์ป่าอยู่ในร่างเดียวกัน มีกลิ่นอายของความแปลกประหลาดในบรรยากาศ หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความสุข สู่ตำนานโบราณที่ว่าด้วยสัตว์ลึกลับและการหายตัวไปของทหารหนุ่ม


สัตว์ประหลาด ! ออกฉายรอบปฐมทัศน์โลกที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ พ.ศ. 2547 ในสายประกวดหลัก ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับคัดเลือกให้ฉายในสายนี้ และเมื่อ สัตว์ประหลาด ! ได้รับรางวัล Jury Prize (หรือรางวัลที่ 3) จึงนับเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของภาพยนตร์ไทย ที่สามารถคว้ารางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกได้ในที่สุด


สัตว์ประหลาด ! เป็นภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องที่ 3 ของอภิชาติพงศ์ หลังจากที่เรื่องก่อนหน้านี้ของเขา สุดเสน่หา ได้รับรางวัล Un Certain Regard (รางวัลชนะเลิศในสายประกวดรองของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์) ประกอบกับการที่เขามีเอกลักษณ์ชัดเจนในผลงาน สัตว์ประหลาด ! จึงส่งให้ชื่อของเขาขึ้นทำเนียบเป็นผู้กำกับในระดับโลกอย่างยากที่จะปฏิเสธ


พลังของภาพยนตร์เรื่องนี้ชัดเจนในทุกอณู และเมื่อเวลาผ่านไปกลับยิ่งซึมลึก แผ่ซ่าน และคงกระพันในเชิงโครงสร้าง ความคิด และความกล้าหาญทางศิลปะของผู้สร้าง  นี่คือภาพยนตร์ที่เปิดขอบฟ้าของภาพยนตร์ไทยในยุคใหม่ให้กว้างกว่าเดิม และเป็นภาพยนตร์ไทยที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของประเทศนี้