เก็บศพไร้ญาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2503

ฟิล์ม 16 มม. / สี / เงียบ / ความยาว 137 นาที

ปีสร้าง พ.ศ. 2503

ผู้สร้าง สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จ.จันทบุรี

ถ่ายภาพ เอกศิลป์ ชลบุรี


พิธีกรรมดั้งเดิมในการจัดการศพของชาวจีนซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีนั้นคือ การฝังศพ เพื่อจารึกชื่อแซ่และคุณงามความดีของบรรพบุรุษไว้ที่หน้าฮวงซุ้ยตามแนวคิดของขงจื๊อที่ยึดถือเรื่องความกตัญญู รวมทั้งเขียนป้ายชื่อไว้กราบไหว้บูชาที่บ้าน และต้องมีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงซุ้ยไม่ขาดระยะเมื่อครบรอบวันเช็งเม้ง ส่วนลัทธิเต๋าสอนในเรื่องธรรมชาติ ฮวงซุ้ยจึงต้องมีทำเลที่เหมาะสม และเกื้อกูลให้บุตรหลานมีโชคลาภในอนาคต




เมื่อเวลาผ่านไป คนเชื้อสายจีนในไทยยุคต่อ ๆ มา มีการปรับเปลี่ยนพิธีการหลังความตายไป บ้างก็เลือกการเผาศพและบรรจุอัฐิในวัดเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดูแล บางกรณีทายาทก็แจ้งผู้ดูแลสุสานว่าไม่พร้อมหรือไม่สะดวกที่จะดูแลหลุมฝังศพของบรรพบุรุษต่อ รวมถึงความแออัดของพื้นที่หลุมศพ ทำให้เกิดความจำเป็นในการจัดการกับหลุมศพที่ถูกทอดทิ้งหรือไร้ญาติ จึงได้เกิดองค์กรอย่าง มูลนิธิ สมาคม สมาชิกและประชาชนจีน-ไทยที่เข้าร่วมกิจกรรมและทำบุญในงานเก็บศพไร้ญาติล้างป่าช้า แม้ไม่มีข้อมูลหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าริเริ่มการล้างป่าช้าเป็นครั้งแรกโดยองค์กรใด แต่ก็มีบันทึกว่ามีการดำเนินการโดยหลายกลุ่ม เช่น มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่จัดพิธีการล้างป่าช้าหรือพิธีบำเพ็ญกุศลแก่ศพไร้ญาติที่สุสานวัดดอนขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2480, สมาคมพุทธมามกสว่างประทีปธรรมสถาน (เม่งเต็งเซี่ยงตั๊ว) อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี จัดเก็บฌาปนกิจอัฐิครั้งแรกในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2468


สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน (เม่งหงีเซี่ยงตั๊ว) จันทบุรี เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2502 ถือเป็นสมาชิกลำดับที่ 19 ของเครือข่าย สมาคมพุทธมามกสว่างประทีปธรรมสถาน (เม่งเต็งเซี่ยงตั๊ว) ซึ่งเป็นองค์กรแรก ๆ นอกพื้นที่กรุงเทพฯ ที่จัดกิจกรรมนี้ในลักษณะของ “นิติบุคคลภาคประชาชน” อย่างเป็นระบบ และสามารถขยายต้นแบบกิจกรรมนี้จากชลบุรี ออกไปสู่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศในรูปของเครือข่ายสมาคมที่ใช้ชื่อว่า “สว่าง” (เม่ง) ซึ่งทำให้กิจกรรมเก็บศพไร้ญาตินี้มีลักษณะเป็นเทศกาลสาธารณะที่เข้มแข็ง และมีบทบาทสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมระดับท้องถิ่นมาจนถึงปัจจุบัน



กิจกรรมเก็บศพไร้ญาติที่จังหวัดจันทบุรีนั้นมีผู้บันทึกไว้ว่า พระสุทธิธรรมรังสี (ลี ธมฺมธโร) ได้เดินทางมาวิปัสสนาที่จันทบุรี นิมิตเห็นวิญญาณไร้ญาติขาดมิตรต่าง ๆ ทนทุกข์เวทนามากมาย จึงได้หารือกับนายหยูฮะ แซ่ปึง (ต้นตระกูล ปุณยรัตน์ยืนยง) ให้นายหยูฮะ แซ่ปึง ปรึกษาชาวจีนในจังหวัดจันทบุรี แล้วเลือกตัวแทนชาวจีนในจันทบุรีเพื่อไปอัญเชิญท่านโป๊ยเซียนโจวซือ ที่ไตรสรณะพุทธสมาคม (เม่งหุยเซี่ยงตั๊ว) จังหวัดชลบุรี มาประดิษฐานที่จันทบุรี และได้จัดพิธีเก็บศพไร้ญาติ ครั้งที่ 1 ขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2503 ณ ศาสนสถานวัดจันทนาราม ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ใช้เวลาทั้งสิ้น 64 วัน มีจิตอาสาจากสมาคม/มูลนิธิเครือสว่าง และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกันจำนวนมาก ถือเป็นการแสดงออกถึงความเมตตากรุณาต่อผู้ล่วงลับ โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา หรือสกุลแซ่



ภาพยนตร์ เก็บศพไร้ญาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2503 นี้ หอภาพยนตร์ได้รับมอบจาก สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน (เม่งหงีเซี่ยงตั๊ว) จันทบุรี ในปี พ.ศ. 2560 หลังกรรมการของมูลนิธิชำระพื้นที่อาคารทำการของสมาคมแล้วพบกล่องฟิล์มจำนวนทั้งสิ้น 4 ม้วน เป็นเรื่อง เก็บศพไร้ญาติ 3 ม้วน และกิจกรรมอื่นอีกม้วน เมื่อนำฟิล์มเรื่องเก็บศพไร้ญาติมาแปลงสัญญาณพบว่ามีความยาวรวมกัน 137 นาที ถ่ายทำโดย ร้านถ่ายรูปเอกศิลป์ จ.ชลบุรี ได้บันทึกภาพกิจกรรมงานเก็บศพไร้ญาติอย่างละเอียด พร้อมกับใส่ข้อความท่วงทำนองบทกลอนประกอบภาพเป็นบางช่วง



เนื้อหาของภาพยนตร์ซึ่งเป็นการบันทึกขั้นตอนกิจกรรมทั้งหมด เริ่มจากภาพของรูปเคารพองค์ 8 เซียน ซึ่งถือเป็นองค์ประธานของเครือข่ายสว่าง จากนั้นจึงเป็นการอัญเชิญกระถางธูปของเทพเจ้าผู้คุ้มครองศาลเจ้าที่นับถือ และแห่รอบตลาดและชุมชน ต่อมาจะออกป่าช้ากันทุกวันจนกว่าจะได้ศพตามจำนวนที่กำหนดไว้ คณะอาสาสมัครได้ไปขุดศพที่ป่าช้าคลองกุ้ง สุสานวัดพลับ ในเขตอำเภอเมือง, สุสานบนเกาะจิก ป่าช้าท่าขาหย่าง อำเภอขลุง จากนั้นก็จะประกอบพิธีโปรดวิญญาณ ตั้งขบวนแห่อัญเชิญน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ และพิธีต่อมาคือพิธีล้างกระดูก ปิดทองอัฐิ พิธีมหากงเต็ก เมื่อเสร็จจากพิธีนี้แล้วก็จะอัญเชิญกระดูกทั้งหมดที่ผ่านขั้นตอนแล้วขึ้นสู่เมรุเพื่อทำการฌาปนกิจ เมื่อเสร็จพิธีนี้แล้ว ก็นำอัฐิที่ฌาปนกิจเรียบร้อยใส่ในหาบทองและตั้งขบวนแห่อัฐิไปบรรจุยังสุสานรวม จากนั้นจะเป็นพิธีลอยกระทงอัญเชิญดวงวิญญาณทางน้ำ และพิธีโปรยทานอุทิศบุญกุศลแก่ดวงวิญญาณที่ไร้ญาติ เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็จะมีการทำพิธีขอบคุณเทวดา และเซ่นไหว้บรรพบุรุษอีกครั้งเป็นอันเสร็จพิธีล้างป่าช้าและเป็นตอนจบของภาพยนตร์


ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้บันทึกภาพที่น่าสนใจมากมายทั้งในมิติความเชื่อพิธีกรรม และประวัติศาสตร์ชุมชน ทั้งผู้คนจำนวนมากตั้งแถวเดินทางไปสุสานต่าง ๆ ในจังหวัด มีภาพการเคลื่อนขบวนเรือไปรวบรวมกระดูกจากสุสานบนเกาะ ผู้ประทับทรงจับไม้ทรงชี้จุดหลุมศพ ผู้คนทุกเพศทุกวัยร่วมใจกันล้างขัดทำความสะอาดกระดูกด้วยความปลาบปลื้มยินดีด้วยถือเป็นบุญใหญ่ของผู้เข้าร่วม ภาพของพิธีกรรมทางศาสนาที่ผสมผสานความเชื่อความศรัทธาของคนในท้องถิ่นเข้าด้วยกัน นอกจากนั้นภาพยนตร์ยังได้เก็บเอาบรรยากาศของบ้านเมืองเก่าจันทบุรีบริเวณริมแม่น้ำจันทบูรในปี พ.ศ. 2503 ไว้ได้อย่างงดงาม หลายช่วงของการบันทึกภาพได้คำนึงถึงองค์ประกอบทางศิลปะของภาพ บทกลอนภาษาจีนที่ประกอบก็มีความหมายลึกซึ้ง ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นมากกว่าภาพยนตร์บันทึกเหตุการณ์ทั่วไป และมีความโดดเด่นจากภาพยนตร์ถ่ายภาพงานล้างป่าช้าเรื่องอื่นที่มีอยู่ในการอนุรักษ์ของหอภาพยนตร์ เป็นตัวอย่างของหลักฐานภาพยนตร์ที่สามารถถ่ายทอดกิจกรรมนี้ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ
มาจนถึงปัจจุบัน