ฟิล์ม 16 มม. / ขาวดำ / เสียง / ความยาว 22 นาที
ปีสร้าง พ.ศ. 2498
ผู้สร้าง สำนักข่าวสารอเมริกัน กรุงเทพฯ, เอราวัณภาพยนตร์
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายใต้สถานการณ์ของสงครามเย็น ภาพยนตร์ถือเป็นสื่อที่ยังทรงอิทธิพลต่อสังคม สหรัฐอเมริกาได้เข้ามาจัดตั้งสำนักข่าวสารอเมริกัน กรุงเทพฯ ทำหน้าที่ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อโฆษณาให้เชื่อใจสหรัฐอเมริกา และกลัวภัยที่เกิดจากคอมมิวนิสต์
แผนการณ์ภาคพายัพ ถือเป็นภาพยนตร์ชวนเชื่อที่ระบุผู้สร้างเป็น เอราวัณภาพยนตร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวสารอเมริกัน กรุงเทพฯ ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 16 มม. ขาวดำ และมีเสียงพากย์บรรยายโดยมุ่งเน้นไปถึงภัยของคอมมิวนิสต์ที่เผยแพร่มายังภาคพายัพซึ่งคือภาคเหนือของไทยซึ่งมีชายแดนใกล้จีน

ภาพยนตร์เริ่มด้วยไตเติลภาษาไทย ระบุโดยตรงว่า คำนำ และแสดงข้อความทั้งวรรคว่า นี่เป็นภาพยนตร์ที่แสดงเรื่องราวให้เห็นความจริงในด้านหนึ่งของ “แผนการณ์ภาคพายัพ” ซึ่งตัวแทนของรัฐบาลแห่งประเทศไทยได้จัดทำขึ้นในปี ค.ศ. 1955 ภาพยนตร์นี้แสดงให้เห็นวิธีหนึ่งที่ประเทศไทยกำลังต่อสู้กับการคุกคามแห่งการแทรกซึมของคอมมิวนิสต์ ที่เข้ามายังเขตแดนของประเทศไทย

จากนั้นภาพยนตร์ได้เล่าเรื่อง การคุกคามของคอมมิวนิสต์ที่พยายามจะยึดครองประเทศไทยทั้งทางภาคเหนือจากประเทศจีน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากประเทศเวียดนาม ภาคใต้จากประเทศมาเลเซีย แต่ประเทศไทยก็ยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคง โดยมีแผนการณ์ดำเนินงานที่จะทำลายการแทรกซึมของคอมมิวนิสต์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ได้ โดยการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ที่จะกระทบกระเทือนความสงบสุขของชาติ อธิบายให้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันสำคัญต่าง ๆ ของชาติ และชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน จากแผนการณ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนี้ทำให้ประชาชนมีความตื่นตัวขึ้นมากทำให้รัฐบาลมีแนวคิดที่จะนำแผนการณ์นี้ไปใช้ในภาคเหนือด้วย โดยใช้จังหวัดลำปางเป็นที่ประชุมพิจารณาแผนการณ์ มีเจ้าหน้าที่จากจังหวัดภาคเหนือมาร่วมประชุมพร้อมกัน และตกลงร่วมกันจัดประชุมตัวแทนราษฎรแต่ละจังหวัดเป็นครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นจึงขยายไปยังจังหวัดต่าง ๆ บางครั้งก็มีสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนเข้าร่วมประชุมด้วย และมีการแจกยารักษาโรคให้กับผู้นำชุมชนที่เข้าร่วมประชุม ที่วัดจอมทองในอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ มีประชาชนมาร่วมประชุมกันจำนวนมาก มีตัวแทนจากประเทศปากีสถานตะวันออก (ปัจจุบันคือประเทศบังคลาเทศ) มาร่วมในการประชุมด้วย หลังจากนั้นก็มีการเดินขบวนไปตามท้องถนนในตัวอำเภอ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้วยการแสดงลิเกที่มีบทเป็นการเสียดสีลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นที่ถูกใจของผู้ชม มีการแจกเอกสารและฉายภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาชี้ให้เห็นอันตรายของลัทธินี้ มีประชาชนมาชมเป็นจำนวนมาก ตลอดทั้งวันจะมีกิจกรรมต่าง ๆ คือ ตอนกลางวันมีการบรรยายให้ผู้นำชุมชนเข้าใจถึงการดำเนินการของรัฐบาล ตอนเย็นมีกิจกรรมสนุกสนานรื่นเริง ประชาชนร่วมกันถือป้ายต่อต้านภัยรุกรานจากคอมมิวนิสต์ เริ่มงานตอนกลางคืน นายประเสริฐ กาญจนดุล ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวเปิดงาน มีผู้แทนจากฝ่ายต่าง ๆ ขึ้นมากล่าวชี้ให้เห็นถึงภัยร้ายจากคอมมิวนิสต์ คณะประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่นี้จะเคลื่อนย้ายไปยังที่ต่าง ๆ ในท้องถิ่นที่ห่างไกลไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด แม้จะต้องเดินทางบนหลังม้า เดินเท้า นั่งบนหลังช้าง มีการเดินขบวนแห่อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อแสดงพลังที่จะยืนหยัดต่อสู้กับภัยร้ายจากคอมมิวนิสต์ จากนั้นคณะทำงานจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ และวางแผนการณ์ที่จะปฏิบัติงานที่อื่นต่อไปเพื่อพิทักษ์รักษาเอกราชของชาติไทยเราให้คงอยู่ตลอดไป


ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวอย่างของการสร้างภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อของรัฐไทยที่ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณและเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาในระยะทศวรรษแรกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีคุณค่า ปัจจุบันเป็นเอกสารสำหรับการศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์การเมืองการสังคมไทย และเป็นบันทึกความทรงจำของคนที่เกิดและเติบโตในยุคสงครามเย็น ส่วนอนุชนปัจจุบันและอนาคต จะใช้เป็นภาพยนตร์เพื่อเรียนรู้ เข้าใจ และรู้ทันประวัติศาสตร์ที่สร้างโดยรัฐไทย