ฟิล์ม 16 มม. / ขาวดำ / เงียบ / 17 นาที
ปีสร้าง [2470 - 2472]
ผู้สร้าง พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ในนาม บ้านดอกไม้ฟิมล์
ภาพยนตร์ส่วนพระองค์ของ พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ผู้ทรงเป็นนักนิยมภาพยนตร์และนักถ่ายภาพยนตร์สมัครเล่นซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการภาพยนตร์สมัครเล่นนานาชาติ ทรงสนใจการใช้ภาพยนตร์เพื่อการศึกษา ทรงถ่ายและใช้ภาพยนตร์เป็นเครื่องมือในการฝึกอบรมในกรมทหารที่ทรงเป็นผู้บังคับบัญชา และต่อมา เมื่อทรงได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ทรงจัดตั้งกองภาพยนตร์เผยแผ่ข่าว ขึ้นในกรมรถไฟหลวงตั้งแต่ปี 2465 นับเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลิตและใช้ภาพยนตร์ของรัฐแห่งแรก ๆ แห่งหนึ่งในโลก
ปี 2469 กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์แลคมนาคม จนถึงเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 โดยสันนิษฐานว่าทรงถ่ายทำภาพยนตร์นี้ระหว่างปี 2470 – 2472 เหตุที่ทรงสร้างเป็นการส่วนพระองค์ ในนาม “บ้านดอกไม้ฟิมล์” ตามที่ระบุอยู่ในไตเติลภาพยนตร์ ไม่ใช่ภาพยนตร์ 35 มม. ของกองภาพยนตร์เผยแผ่ข่าว นั้น อาจเพราะต้องการทำเร่งด่วน เพื่อใช้เผยแผ่ให้ผู้ชมซึ่งอาจมีทั้งผู้คนภายในราชการ และสาธารณะหรือประชาชนทั่วไป เพราะมีหลักฐานว่าทรงนำภาพยนตร์ขนาดเล็กนี้ไปฉายเสมอในการเสด็จตรวจราชการต่างจังหวัด และอาจใช้สำหรับเผยแพร่ชาวต่างชาติที่มาติดต่อกระทรวงด้วย เนื่องจากตัวอักษรบรรยายในภาพยนตร์นี้มีทั้งภาษาไทยบ้างและอังกฤษบ้าง แต่ระหว่างการฉายสามารถมีผู้บรรยายสดประกอบได้ ซึ่งอาจเป็นเสด็จในกรมเอง
เนื้อหาของภาพยนตร์เป็นการเล่าเพื่อแนะนำกระทรวงพาณิชย์แลคมนาคม โดยใช้ตัวหนังสือบอกหัวข้อเรื่องแต่ละกิจการหรือหน่วยงานในกระทรวง เปิดเรื่องด้วยภาพอาคารที่ทำการกระทรวง ถนนสนามไชย จากนั้นตัดไปที่ห้องทำงาน เห็นพนักงานกำลังพิมพ์จดหมายราชการ แล้วตัดไปขึ้นข้อความ “BUSY SCENE AT BANGKOK GOODS YARD” ให้เห็นบริเวณสถานีชุมทางรถไฟ เข้าใจว่าเป็นที่บางซื่อ ในเวลาที่รถตู้สินค้าจากเชียงใหม่นำลำไยมาลง จากนั้นตัดเข้าไปภายในสถานีรถไฟกรุงเทพ หัวลำโพง เป็นเหตุการณ์ที่เสนาบดี กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน จะเสด็จขึ้นรถไฟไปตรวจราชการต่างจังหวัด โดยมีบรรดาข้าราชการมาส่ง เช่น พระยาสารศาสตร์ศิริลักษณ์ (สรรเสริญ สุขยางค์) ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวงขณะนั้น และ หลวงกลการเจนจิต (เภา วสุวัต) หัวหน้ากองภาพยนตร์เผยแผ่ข่าว ของกรมรถไฟหลวง โดยเสด็จในกรมและข้าราชการบางท่านสวมปลอกแขนไว้ทุกข์ อาจจะเป็นเวลาไว้ทุกข์ของเจ้านายที่สิ้นพระชนม์ในขณะนั้น
หัวข้อถัดไปคือ “ประชุมสหกรณ์” เป็นบรรยากาศการประชุมสหกรณ์แห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ซึ่งกรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธินทรงมาเป็นประธาน ทรงมอบเอกสารคล้ายวุฒิบัตร เป็นการบอกว่ากิจการสหกรณ์เป็นกิจการอย่างหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์แลคมนาคม แล้วภาพยนตร์ตัดไปถ่ายที่ป้ายเหนือประตูทางเข้า สำนักงานกลาง มาตราชั่งตวงวัด Central Bureau of Weights & Measures ให้เห็นข้าราชการสำนักนี้กำลังทำงานการตวง การชั่ง การวัด และให้เห็นเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานนี้ บุคคลที่น่าสนใจในบรรดาข้าราชการหนุ่ม ๆ ที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นนี้ คือ ขุนวิจิตรมาตรา หัวหน้ากอง ซึ่งต่อมามีชื่อเสียงรุ่งโรจน์ในฐานะ นักเขียน นักการละคร และผู้กำกับภาพยนตร์
ภาพยนตร์ตัดไปที่หัวข้อต่อไปคือ “สถานีโทรศัพท์กลาง” แล้วนำไปที่ตัวอาคารที่ตั้งสถานี เป็นอาคารตึกใหญ่โตสองชั้นริมถนน ที่แห่งนี้คือ ชุมสายโทรศัพท์วัดเลียบ ใกล้กับไปรษณีย์ที่ปากคลองโอ่งอ่าง เรียกกันว่า “โทรศัพท์กลางวัดเลียบ” ภาพยนตร์พาเข้าไปดูข้าราชการกำลังทำงานในห้อง ก่อนจะตัดไปเห็นพนักงานต่อโทรศัพท์ หรือโอปอเรเตอร์ ซึ่งล้วนเป็นสตรีและล้วนแต่งกายด้วยเสื้อคอกระเช้านุ่งผ้าซิ่น และไว้ผมทรงบ๊อบที่คงกำลังเป็นสมัยนิยมทุกคน พนักงานสตรีเหล่านี้กำลังเดินเรียงแถวมาลงชื่อเข้างาน เพื่อเปลี่ยนกะเข้าเวรประจำที่นั่งสำหรับต่อโทรศัพท์ ซึ่งภาพยนตร์บรรจงถ่ายให้เห็นเฉพาะตัวที่พนักงานบางคนกำลังทำงานอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะตัดไปที่หัวข้อ “คนงานโทรศัพท์” เห็นพนักงานกำลังใช้เครื่องจักรปักและติดตั้งเสาโทรศัพท์ ในท้องถนนหลวงในพระนคร เห็นการฝังท่อวางสายใต้ดิน การเดินสายบนอากาศ การถอนเปลี่ยนเสาไม้เก่าที่ชำรุด
สุดท้ายคือหัวข้อ “ที่ศาลาแยกธาตุ” ให้เห็นอาคารปูนชั้นเดียวหลังหนึ่งในบริเวณพื้นที่ของกระทรวง เห็นเจ้าหน้าที่กำลังทำงาน มีฝรั่งชาวต่างชาติคนหนึ่งกำลังทำงานในห้องปฏิบัติการทางเคมี ห้องซึ่งเต็มไปด้วยขวดแก้วและอุปกรณ์การทดลองทดสอบเคมี มีเจ้าหน้าที่ชายไทยกำลังทำงานทดสอบด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ นี่คือกิจการอีกอย่างหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์แลคมนาคม คือการตรวจวิเคราะห์ทางเคมี เพื่อกำหนดและควบคุมมาตรฐานของสินค้า ภาพยนตร์จบลงเพียงเท่านี้ ไม่มีข้อความบอกจบ จึงยังระบุไม่ได้ว่ามีเพียงเท่านี้หรือเหลือมาเพียงเท่านี้
กิจการในกระทรวงพาณิชย์ แล คมนาคม ไม่เพียงแต่เป็นเอกสารบันทึกภาพสยามยุคที่กำลังพัฒนาบ้านเมืองให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ หากแต่ยังเป็นหลักฐานแสดงผลงานของเจ้านายผู้ทรงถ่ายทำภาพยนตร์นี้ ซึ่งทรงเป็นกำลังหลักในการพัฒนาด้วยพระปรีชาสามารถในวิทยาการด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีคุณค่าในฐานะเครื่องมือแห่งการเรียนรู้อันวิเศษสำหรับอนุชน ตามพระดำริอันลึกซึ้งถึงอนาคตของการภาพยนตร์ ที่ทรงเคยประทานสัมภาษณ์แก่วารสารภาพยนตร์ฉบับหนึ่งในประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2457 ว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าโรงเรียนทั้งหลายของเราจะเห็นคุณค่าของภาพยนตร์ในฐานะครู และจะได้ใช้ประโยชน์จากมันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ”
ปีสร้าง [2470 - 2472]
ผู้สร้าง พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ในนาม บ้านดอกไม้ฟิมล์
ภาพยนตร์ส่วนพระองค์ของ พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ผู้ทรงเป็นนักนิยมภาพยนตร์และนักถ่ายภาพยนตร์สมัครเล่นซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการภาพยนตร์สมัครเล่นนานาชาติ ทรงสนใจการใช้ภาพยนตร์เพื่อการศึกษา ทรงถ่ายและใช้ภาพยนตร์เป็นเครื่องมือในการฝึกอบรมในกรมทหารที่ทรงเป็นผู้บังคับบัญชา และต่อมา เมื่อทรงได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ทรงจัดตั้งกองภาพยนตร์เผยแผ่ข่าว ขึ้นในกรมรถไฟหลวงตั้งแต่ปี 2465 นับเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลิตและใช้ภาพยนตร์ของรัฐแห่งแรก ๆ แห่งหนึ่งในโลก
ปี 2469 กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์แลคมนาคม จนถึงเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 โดยสันนิษฐานว่าทรงถ่ายทำภาพยนตร์นี้ระหว่างปี 2470 – 2472 เหตุที่ทรงสร้างเป็นการส่วนพระองค์ ในนาม “บ้านดอกไม้ฟิมล์” ตามที่ระบุอยู่ในไตเติลภาพยนตร์ ไม่ใช่ภาพยนตร์ 35 มม. ของกองภาพยนตร์เผยแผ่ข่าว นั้น อาจเพราะต้องการทำเร่งด่วน เพื่อใช้เผยแผ่ให้ผู้ชมซึ่งอาจมีทั้งผู้คนภายในราชการ และสาธารณะหรือประชาชนทั่วไป เพราะมีหลักฐานว่าทรงนำภาพยนตร์ขนาดเล็กนี้ไปฉายเสมอในการเสด็จตรวจราชการต่างจังหวัด และอาจใช้สำหรับเผยแพร่ชาวต่างชาติที่มาติดต่อกระทรวงด้วย เนื่องจากตัวอักษรบรรยายในภาพยนตร์นี้มีทั้งภาษาไทยบ้างและอังกฤษบ้าง แต่ระหว่างการฉายสามารถมีผู้บรรยายสดประกอบได้ ซึ่งอาจเป็นเสด็จในกรมเอง
เนื้อหาของภาพยนตร์เป็นการเล่าเพื่อแนะนำกระทรวงพาณิชย์แลคมนาคม โดยใช้ตัวหนังสือบอกหัวข้อเรื่องแต่ละกิจการหรือหน่วยงานในกระทรวง เปิดเรื่องด้วยภาพอาคารที่ทำการกระทรวง ถนนสนามไชย จากนั้นตัดไปที่ห้องทำงาน เห็นพนักงานกำลังพิมพ์จดหมายราชการ แล้วตัดไปขึ้นข้อความ “BUSY SCENE AT BANGKOK GOODS YARD” ให้เห็นบริเวณสถานีชุมทางรถไฟ เข้าใจว่าเป็นที่บางซื่อ ในเวลาที่รถตู้สินค้าจากเชียงใหม่นำลำไยมาลง จากนั้นตัดเข้าไปภายในสถานีรถไฟกรุงเทพ หัวลำโพง เป็นเหตุการณ์ที่เสนาบดี กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน จะเสด็จขึ้นรถไฟไปตรวจราชการต่างจังหวัด โดยมีบรรดาข้าราชการมาส่ง เช่น พระยาสารศาสตร์ศิริลักษณ์ (สรรเสริญ สุขยางค์) ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวงขณะนั้น และ หลวงกลการเจนจิต (เภา วสุวัต) หัวหน้ากองภาพยนตร์เผยแผ่ข่าว ของกรมรถไฟหลวง โดยเสด็จในกรมและข้าราชการบางท่านสวมปลอกแขนไว้ทุกข์ อาจจะเป็นเวลาไว้ทุกข์ของเจ้านายที่สิ้นพระชนม์ในขณะนั้น
หัวข้อถัดไปคือ “ประชุมสหกรณ์” เป็นบรรยากาศการประชุมสหกรณ์แห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ซึ่งกรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธินทรงมาเป็นประธาน ทรงมอบเอกสารคล้ายวุฒิบัตร เป็นการบอกว่ากิจการสหกรณ์เป็นกิจการอย่างหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์แลคมนาคม แล้วภาพยนตร์ตัดไปถ่ายที่ป้ายเหนือประตูทางเข้า สำนักงานกลาง มาตราชั่งตวงวัด Central Bureau of Weights & Measures ให้เห็นข้าราชการสำนักนี้กำลังทำงานการตวง การชั่ง การวัด และให้เห็นเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานนี้ บุคคลที่น่าสนใจในบรรดาข้าราชการหนุ่ม ๆ ที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นนี้ คือ ขุนวิจิตรมาตรา หัวหน้ากอง ซึ่งต่อมามีชื่อเสียงรุ่งโรจน์ในฐานะ นักเขียน นักการละคร และผู้กำกับภาพยนตร์
ภาพยนตร์ตัดไปที่หัวข้อต่อไปคือ “สถานีโทรศัพท์กลาง” แล้วนำไปที่ตัวอาคารที่ตั้งสถานี เป็นอาคารตึกใหญ่โตสองชั้นริมถนน ที่แห่งนี้คือ ชุมสายโทรศัพท์วัดเลียบ ใกล้กับไปรษณีย์ที่ปากคลองโอ่งอ่าง เรียกกันว่า “โทรศัพท์กลางวัดเลียบ” ภาพยนตร์พาเข้าไปดูข้าราชการกำลังทำงานในห้อง ก่อนจะตัดไปเห็นพนักงานต่อโทรศัพท์ หรือโอปอเรเตอร์ ซึ่งล้วนเป็นสตรีและล้วนแต่งกายด้วยเสื้อคอกระเช้านุ่งผ้าซิ่น และไว้ผมทรงบ๊อบที่คงกำลังเป็นสมัยนิยมทุกคน พนักงานสตรีเหล่านี้กำลังเดินเรียงแถวมาลงชื่อเข้างาน เพื่อเปลี่ยนกะเข้าเวรประจำที่นั่งสำหรับต่อโทรศัพท์ ซึ่งภาพยนตร์บรรจงถ่ายให้เห็นเฉพาะตัวที่พนักงานบางคนกำลังทำงานอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะตัดไปที่หัวข้อ “คนงานโทรศัพท์” เห็นพนักงานกำลังใช้เครื่องจักรปักและติดตั้งเสาโทรศัพท์ ในท้องถนนหลวงในพระนคร เห็นการฝังท่อวางสายใต้ดิน การเดินสายบนอากาศ การถอนเปลี่ยนเสาไม้เก่าที่ชำรุด
สุดท้ายคือหัวข้อ “ที่ศาลาแยกธาตุ” ให้เห็นอาคารปูนชั้นเดียวหลังหนึ่งในบริเวณพื้นที่ของกระทรวง เห็นเจ้าหน้าที่กำลังทำงาน มีฝรั่งชาวต่างชาติคนหนึ่งกำลังทำงานในห้องปฏิบัติการทางเคมี ห้องซึ่งเต็มไปด้วยขวดแก้วและอุปกรณ์การทดลองทดสอบเคมี มีเจ้าหน้าที่ชายไทยกำลังทำงานทดสอบด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ นี่คือกิจการอีกอย่างหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์แลคมนาคม คือการตรวจวิเคราะห์ทางเคมี เพื่อกำหนดและควบคุมมาตรฐานของสินค้า ภาพยนตร์จบลงเพียงเท่านี้ ไม่มีข้อความบอกจบ จึงยังระบุไม่ได้ว่ามีเพียงเท่านี้หรือเหลือมาเพียงเท่านี้
กิจการในกระทรวงพาณิชย์ แล คมนาคม ไม่เพียงแต่เป็นเอกสารบันทึกภาพสยามยุคที่กำลังพัฒนาบ้านเมืองให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ หากแต่ยังเป็นหลักฐานแสดงผลงานของเจ้านายผู้ทรงถ่ายทำภาพยนตร์นี้ ซึ่งทรงเป็นกำลังหลักในการพัฒนาด้วยพระปรีชาสามารถในวิทยาการด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีคุณค่าในฐานะเครื่องมือแห่งการเรียนรู้อันวิเศษสำหรับอนุชน ตามพระดำริอันลึกซึ้งถึงอนาคตของการภาพยนตร์ ที่ทรงเคยประทานสัมภาษณ์แก่วารสารภาพยนตร์ฉบับหนึ่งในประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2457 ว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าโรงเรียนทั้งหลายของเราจะเห็นคุณค่าของภาพยนตร์ในฐานะครู และจะได้ใช้ประโยชน์จากมันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ”