ฟิล์ม 35 มม. / สี / เสียง / ความยาว 109 นาที
วันออกฉาย 23 ธันวาคม 2552
บริษัทสร้าง บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด, บริษัท เอ็นจีอาร์ จำกัด
ผู้อำนวยการสร้าง ณภัทร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม
ผู้กำกับ สมเกียรติ์ วิทุรานิช
ผู้เขียนบท สมเกียรติ์ วิทุรานิช
ผู้กำกับภาพ ธีรวัฒน์ รุจินธรรม
ผู้ลำดับภาพ สุนิตย์ อัศวินิกุล, พรรนิภา กบิลลิกกะวานิชย์, เหมือนฝัน อุปถัมภ์
ผู้ออกแบบงานสร้าง ศักดิ์ศิริ จันทรังษี, วิทยา ชัยมงคล
ผู้ทำดนตรีประกอบ ไกวัล กุลวัฒโนทัย
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย นพดล เตโช
ผู้แสดง รัชวิน วงศ์วิริยะ, ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ, พิษณุ นิ่มสกุล, พยนต์ คงเจริญ, กุณกนิช คุ้มครอง, คำรณ คุณะดิลก, เบญจรงค์ เพิ่มกิจไพศาล, พรทิพย์ ประเสริฐยิ่งสุข, เสถียร ดิษวิเศษ, พัชราภา รัตน์มณี
หากอธิบายอย่างผิวเผินที่สุด October Sonata รักที่รอคอย เป็นหนังรักสามเส้าโศกสลดในชะตากรรมหัวใจอันพลัดพราก หากแต่ผู้กำกับและผู้เขียนบท สมเกียรติ์ วิทุรานิช ทำให้หนังรักเรื่องนี้เต็มไปด้วยมิติของช่วงเวลาและการเดินทางของตัวละคร เริ่มตั้งแต่การใช้เหตุการณ์สั่นสะเทือนทางการเมืองและประวัติศาสตร์ของเดือนตุลาในช่วงทศวรรษ 2513 - 2520 เป็นฉากหลัง รวมทั้งยังใช้เหตุการณ์การเสียชีวิตของ มิตร ชัยบัญชา เป็นจุดตั้งต้นของเรื่องราวความรักและเป็นหมุดหมายของความเปลี่ยนแปลงทางสังคม
เรื่องราวในหนังมีศูนย์กลางที่ตัวละครชื่อ รวี ชายหนุ่มผู้มีหัวใจรักอุดมการณ์ และ แสงจันทร์ สาวโรงงานผู้ไร้การศึกษา ทั้งสองพบกันครั้งแรกที่วัดแค นางเลิ้ง ในวันที่ 8 ตุลาคม 2513 เมื่อแฟน ๆ หนังไทยนับพันแห่แหนไปพิสูจน์กับตาตัวเองว่าดารายอดนิยมแห่งยุค มิตร ชัยบัญชา เสียชีวิตจากอุบัติเหตุและศพถูกนำมาไว้ที่วัดนี้จริง ๆ ตัวละครสำคัญอีกตัวคือ ลิ้ม หนุ่มไทยเชื้อสายจีนที่ต่อมาประสบความสำเร็จทางธุรกิจ และใช้ชีวิตแบบชนชั้นกลางอันสุขสบายแม้ว่าประเทศจะเดินทางผ่านช่วงเวลาแห่งความสับสนและปัญหาการเมืองอันวุ่นวาย
การเติบโตทางความคิดและการตื่นรู้ทางการเมืองของรวี และแสงจันทร์ เกิดขึ้นเมื่อรวีเอาหนังสือ สงครามชีวิต ของศรีบูรพาให้เธออ่าน จากนั้นทั้งสองนัดเจอกันทุกปีในวันที่ 8 ตุลาคม วันเสียชีวิตของมิตร ชัยบัญชา วันที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดความไร้เดียงสาและการถือกำเนิดของช่วงเวลาแห่งความยุ่งเหยิง หนังเพียรทำให้เราเห็นตัวละครหลักทั้งสองต้องต่อรองกับอุดมการณ์และอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ฟันฝ่ากระแสแห่งความเป็นไปในช่วงมรสุมทางการเมืองและสังคมของไทย ทั้งเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 อุดมการณ์และการใฝ่หาเสรีภาพที่กำลังเติบโตในหมู่คนหนุ่มสาวในยุคนั้น เป็นทั้งพลังอันก่อความฮึกเหิมและเป็นอุปสรรคในความสัมพันธ์ของทั้งสองไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งตรงกันข้ามกับลิ้ม ตัวละครที่เป็นภาพแทนชนชั้นคหบดีจีนในไทย ที่เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายอยู่ห่าง ๆ และทุ่มเทเวลาและอุทิศตัวให้กับการสร้างฐานะและการเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศไทย
ผู้เขียนบท-ผู้กำกับ สมเกียรติ์ วิทุรานิช สร้างบทภาพยนตร์ที่ประสานเรื่องโรแมนติกเข้ากับภาพใหญ่ของประวัติศาสตร์ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียว แสดงให้เห็นว่าชีวิตคนธรรมดาที่ต้องต่อสู้ไปวัน ๆ ผู้คนที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหัวใจและปัญหาเศรษฐกิจ ต่างได้รับอิทธิพลจากลมการเมืองและความเปลี่ยนแปลงที่บางครั้งพวกเขาก็มองไม่เห็น October Sonata รักที่รอคอย เป็นหนังไทยที่ละเมียดละไมกับบท การแสดง การกำกับศิลป์ และรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ จนได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ และได้รับรางวัลมากมาย โดยเฉพาะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากแทบทุกสถาบัน แม้จะทำรายได้ไม่มากนัก หากแต่ภาพยนตร์ได้พิสูจน์ตัวเองว่าสามารถยืนหยัดผ่านความเปลี่ยนแปลงของกระแสสังคมผ่านทศวรรษมาได้อย่างไม่ยากเย็น จากการได้รับการพูดถึงอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อถึงเดือนตุลา ยิ่งไปกว่านั้น หนังกลับยิ่งดูมีพลังทางความคิดที่กล้าหาญและแจ่มชัดขึ้น เมื่อความตื่นตัวทางการเมืองและสังคมของคนุร่นใหม่ พยายามกลับมาให้ความหมายแก่ “เดือนตุลา” อีกครั้ง
October Sonata รักที่รอคอย ออกฉายในปี 2552 ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยยังมีพื้นที่สำหรับหนังที่จริงจังและเข้มข้นในเนื้อเรื่อง และท้าทายคนดูทางความคิด ถึงแม้จะมีฉากหน้าของหนังรักและนำแสดงโดยดารายอดนิยมอย่าง ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ, โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ และ บอย-พิษณุ นิ่มสกุล แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของทีมงานและบริษัทที่ลงทุนที่ไม่เพียงแต่ทำหนังที่มุ่งหวังผลทางการค้าเพียงอย่างเดียว แต่เชื่อมั่นในพลังของภาพยนตร์ในการบันทึกประวัติศาสตร์ทางความรู้สึก อันเป็นสิ่งที่ไม่ได้พบเห็นบ่อยนักเมื่ออุตสาหกรรมหนังไทยเปลี่ยนแปลงไปในทศวรรษที่ตามมา