ฟิล์ม 35 มม. / ขาวดำ / เงียบ / ความยาว 12 นาที
ปีสร้าง พ.ศ. 2489
ผู้สร้าง SEAC Film Unit ภายใต้ War Office Directorate of Public Relations หน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ
ภาพยนตร์ที่ถ่ายโดยช่างถ่ายภาพยนตร์สนามของฝ่ายกองทัพอังกฤษ บันทึกเหตุการณ์ เมื่อ ลอร์ดหลุยส์ เมานท์แบทเทน (พ.ศ. 2443 - 2522) ผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่ายสัมพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินทางมาประเทศไทย เพื่อร่วมในพิธีฉลองสันติภาพ ที่รัฐบาลไทยจัดขึ้นหลังจากไทยประกาศสันติภาพ เมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ให้ถือว่าการประกาศสงครามของรัฐบาลไทยต่ออังกฤษและอเมริกาเป็นโมฆะ กองพลที่ 7 แห่งอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในกองพลภายใต้กองกำลังภาคพื้นดินของฝ่ายสัมพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกส่งเข้ามาประเทศไทยเพื่อทำการปลดอาวุธและควบคุมกองทัพญี่ปุ่นในประเทศไทย

ภาพยนตร์ประกอบด้วยห้าเหตุการณ์ คือ
1. เหตุการณ์ พลโท บราวน์นิง หัวหน้าคณะของลอร์ดหลุยส์ เมานท์แบทเทน เดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง เมื่อ 3 มกราคม พ.ศ. 2489 โดยมี พลตรี จอฟฟรีย์ ชาร์ลส์ อีแวนส์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 7 แห่งอินเดียมาคอยต้อนรับ แล้วภาพยนตร์ตัดไปที่บ้านบรรทมสินธุ์ ซึ่งเป็นกองบัญชาการของกองทัพสัมพันธมิตรในประเทศไทย ในยามเย็น มีงานเลี้ยงรับรองในสนามหญ้า แขกในงานมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยด้วย และมีการแสดงหญิงติดตะกร้อสองคน การแสดงชกมวย
2. เหตุการณ์ ลอร์ดหลุยส์ เมานท์แบทเทน เดินทางโดยเครื่องบินมาถึงสนามบินดอนเมือง เมื่อเที่ยง วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2489 มีนายทหารกองทัพสัมพันธมิตรมาต้อนรับ นายทหารสัมพันธมิตรนำเมานท์แบทเทนตรวจพลกองทหารสัมพันธมิตร แล้วจึงทักทายกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่มาต้อนรับ เจ้าหน้าที่ไทยนำเมานท์แบทเทน ตรวจพลแถวทหารไทยและสัมผัสมือกับนายทหารบางคน จากนั้นภาพยนตร์ตัดไปที่พระที่นั่งอุดรภาค ในพระราชวังดุสิต รถยนต์นำเมานท์แบทเทนเข้ามายังสนามหน้าพระที่นั่ง เมานท์แบทเทนลงจากรถและยืนรับความเคารพจากแถวกองทหารรักษาวัง
3. เหตุการณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และลอร์ดหลุยส์ เมานท์แบทเทน ตรวจพลสวนสนามกองทัพสัมพันธมิตรที่สนามหลวง เช้าราวสิบโมง วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2489 เริ่มจากภาพยนตร์เห็นกองทหารดุริยางค์เดินบรรเลงเพลงเข้ามาในสนาม ภาพตัดไปเห็นสมเด็จพระอนุชา และสมเด็จพระราชชนนี ประทับยืนอยู่บนแท่น ตัดไปเห็นทหารสัมพันธมิตรทั้งชายหญิงที่มาร่วมชมเหตุการณ์ ตัดไปเห็นรถยนต์พระที่นั่งเข้ามาจอดหน้าแท่นที่ประทับ เมานท์แบทเทนลงจากรถก่อน และถวายความเคารพเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก้าวลงมา แล้วเสด็จขึ้นไปบนแท่นที่ประทับรับการถวายเคารพจากกองทหารอังกฤษทั้งสามเหล่าทัพพร้อมกับเมานท์แบทเทน จากนั้นเมานท์แบทเทนนำสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินตรวจแถวกองทหารต่าง ๆ ในสนามหลวง
4. เหตุการณ์วันเดียวกัน (19 มกราคม) ต่อเนื่อง การสวนสนามถวายความเคารพในถนนราชดำเนินกลาง ภาพยนตร์เริ่มต้นจากมุมสูง เห็นถนนราชดำเนินกลาง มองลงไปที่บริเวณแท่นที่ประทับ เห็นประชาชนมาคอยชมสองฝั่งถนนและตามช่องบนอาคาร ตัดไปภาพบนถนนรถยนต์พระที่นั่งแล่นเข้ามาจอดบริเวณหน้าแท่นที่ประทับกลางถนน ลอร์ดหลุยส์ เมานท์แบทเทน ลงมาก่อน ถวายความเคารพ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมา แล้วเสด็จขึ้นไปประทับยืนบนแท่นแต่พระองค์เดียว เมานท์แบทเทนขึ้นไปยืนถัดลงมา เห็นกองทหารดุริยางค์นำขบวนแถวทหารสัมพันธมิตรพร้อมอาวุธประจำกายเคลื่อนมาตามถนน ถวายความเคารพเมื่อผ่านที่ประทับ ทรงรับความเคารพ ตัดภาพไปที่แถวเจ้าหน้าที่และทหารตลอดจนประชาชนไทยที่มาชม พากันแหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า เมื่อเครื่องบินที่ร่วมพิธีบินผ่านข้างบน จากนั้นเห็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นรถยนต์พระที่นั่ง เมานท์แบทเทนถวายความเคารพ ส่งเสด็จ แล้วตัดไปเห็นเมานท์แบทเทนทูลลา สมเด็จพระราชชนนี ทรงยื่นพระหัตถ์ให้เมานท์แบทเทนจุมพิต
5. เหตุการณ์งานอุทยานสโมสร ที่บ้านบรรทมสินธุ์ กองบัญชาการกองทัพสัมพันธมิตรในประเทศไทย ในนามของลอร์ดหลุยส์ เมานท์แบทเทนจัดถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในตอนบ่ายวันจันทร์ที่ 21 มกราคม ภาพยนตร์เริ่มต้นถ่ายจากมุมสูง เห็นบรรยากาศงาน มีวงดนตรีสากลบรรเลงเพลงอยู่ในคอก แขกในงานมีทั้งจ้าหน้าที่และพลเรือนฝ่ายไทยและฝ่ายสัมพันธมิตร รถยนต์พระที่นั่งเข้ามาถึง เมานท์แบทเทนรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระอนุชา และพระราชชนนี แล้วเสด็จเข้าไปภายในบ้าน ก่อนจะเสด็จลงมา เมานท์แบทเทนนำไปยังที่ประทับเพื่อทรงฟังดนตรี เห็นบรรยากาศในงาน

ภาพยนตร์เรื่องนี้ หอภาพยนตร์ได้รับมอบเป็นของขวัญจาก Imperial War Museum ประเทศอังกฤษ ผ่านสำนักงาน British Council กรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2533 และอีกส่วนหนึ่งได้นำมาจาก YouTube ของ British Pathé เรื่อง Garden Party In Bangkok (1946) เพื่อรวมเหตุการณ์เข้ากับส่วนที่หอภาพยนตร์เคยได้รับมาให้สมบูรณ์ นอกจากเป็นเอกสารภาพยนตร์บันทึกเหตุการณ์รัฐพิธีหนึ่งในกรณีที่กองทหารสัมพันธมิตรเข้ามาดำเนินการปลดอาวุธและควบคุมกองทัพญี่ปุ่นซึ่งตกเป็นเชลยสงครามในประเทศไทย แม้ว่ากองทหารอังกฤษของฝ่ายสัมพันธมิตรจะจัดการสวนสนามติดอาวุธบนแผ่นดินไทย แต่การที่พระเจ้าแผ่นดินไทยได้รับการถวายเกียรติยศและเป็นผู้ตรวจพลพร้อมกับแม่ทัพสัมพันธมิตรอาจเป็นเครื่องแสดงว่าประเทศไทยยังดำรงความเป็นเอกราช ภาพยนตร์นี้ยังเป็นหนึ่งในจำนวนไม่มากเลยของภาพยนตร์ที่บันทึกให้เห็นพระอิริยาบถของยุวกษัตริย์พระองค์นี้ ก่อนที่ในเวลาภายหลังอีกไม่กี่เดือนต่อมาจะเสด็จสวรรคต