พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ณ พระเมรุมาศ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๔๙๓

ฟิล์ม 16 มม. / สี / เงียบ / ความยาว 25 นาที

ปีสร้าง พ.ศ. 2493

ผู้สร้าง แผนกโสตและทัศนศึกษา สังกัดกองการศึกษาผู้ใหญ่ กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ


ภาพยนตร์นี้ หอภาพยนตร์ได้รับมอบจาก ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา กรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2528 เข้าใจว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างโดย แผนกโสตและทัศนศึกษา  สังกัดกองการศึกษาผู้ใหญ่ กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อปี พ.ศ. 2493 เพื่อบันทึกเหตุการณ์พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ซึ่งมีกิจกรรมต่าง ๆ ในพระราชพิธีเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 4 เมษายน พ.ศ. 2493 ถ่ายทำเป็นภาพยนตร์สี 16 มม. ไม่บันทึกเสียง ยาว 25 นาที เชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในภารกิจของแผนกโสตและทัศนศึกษา ซึ่งแผนกนี้มีการจัดตั้งห้องสมุดภาพยนตร์เพื่อการศึกษา ซึ่งได้จากการจัดซื้อจากต่างประเทศ และจากการผลิตขึ้นเอง ห้องสมุดนี้บริการให้โรงเรียนและสถานศึกษาต่าง ๆ ยืมไปใช้เพื่อการเผยแพร่ความรู้และเพื่อการศึกษา เข้าใจว่าอาจมีการทำบทบรรยายสำหรับให้ผู้บรรยายอ่านประกอบการฉายภาพยนตร์ แต่ไม่พบบทหรือหลักฐานใด



เนื้อหาของภาพยนตร์ เป็นการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพระราชพิธีตามลำดับเริ่มต้นที่เหตุการณ์พระราชพิธียกยอดพระเมรุมาศ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ทรงประกอบพระราชพิธี ภาพยนตร์เน้นบันทึกเหตุการณ์สำคัญ คือ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2493 ซึ่งมีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศเป็นกระบวนแห่จากพระบรมมหาราชวังมาสู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง การอัญเชิญพระบรมโกศขึ้นสู่พระเมรุ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา และพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนข้าราชการ ทุกหมู่เหล่า ทูตานุทูต และประชาราษฎร ร่วมพระราชพิธีอย่างมากมาย



หอภาพยนตร์มีภาพยนตร์ที่บันทึกเหตุการณ์พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.8 นอกจากเรื่องนี้อยู่อีกสามสี่เรื่อง ซึ่งทั้งหมดเป็นภาพยนตร์ส่วนตัวหรือหนังบ้าน จึงนับว่าภาพยนตร์ของกระทรวงศึกษาธิการเรื่องนี้มีความเป็นทางการและจัดทำเพื่อเผยแพร่สาธารณะเพียงเรื่องเดียว และแม้ว่าจะบันทึกอย่างเป็นทางการ แต่ภาพยนตร์ก็สามารถบันทึกให้เห็นบรรยากาศและอารมณ์ของผู้คนและสังคมไทยในเวลานั้นได้อย่างดี