โฆษณาขี้ผึ้งบริบูรณ์บาล์ม ชุดหนูหล่อพ่อเขาพาไปดู

ความยาว 00.28 นาที

ฟิล์ม 16 มม. / ขาว-ดำ / เสียง

อำนวยการสร้างสำนักงานโฆษณาสรรพสิริ


เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 วงการโทรทัศน์ไทยได้สูญเสียบุคลากรคนสำคัญ ท่านคือ สรรพสิริ วิรยศิริ อดีตนักข่าวโทรทัศน์ผู้ร่วมบุกเบิกงานข่าวของช่อง 4 บางขุนพรหม ด้วยจิตวิญญาณนักข่าวที่ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ทำให้สรรพสิริต้องถูกปลดออกจากหน้าที่ถึงสองครั้งเป็นเหตุให้สรรพสิริลาออกจากราชการ ด้วยความที่การโฆษณาทางโทรทัศน์ช่อง 4 ในสมัยนั้น จะใช้ผู้ประกาศข่าวมาอวดสรรพคุณสินค้า


ซึ่งอุปถัมภ์รายการแบบสด ๆ สรรพสิริจึงนำเงินไปซื้อกล้องถ่ายภาพยนตร์ ขนาด 16 มม. มารับจ้างถ่ายหนังและตัดต่อทำเป็นโฆษณาทางโทรทัศน์ และตั้งบริษัทโฆษณาอย่างเป็นทางการขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “สำนักงานโฆษณสรรพสิริ” (SANPSIRI ADVERTISING AGENCY) โดยมีสโลแกนว่า “ทำหนังโฆษณาเรียกหาสรรพสิริ~” ได้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณามากมายหลายพันเรื่อง จนสามารถขยายกิจการรับจ้างทำภาพยนตร์โฆษณาอย่างครบวงจร ทั้งบริการถ่ายทำ บริการล้างฟิล์ม พิมพ์ฟิล์ม บริการอัดเสียงโฆษณาและวิทยุ ภาพยนตร์โฆษณาโดยฝีมือสรรพสิริมีทั้งแบบใช้คนแสดงและเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น หรือมีทั้งแบบใช้คนแสดงร่วมกับตัวการ์ตูนก็มี ประกอบคำโฆษณาที่ติดหู โดยได้อาจารย์ปยุต เงากระจ่าง มาช่วยสร้างตัวการ์ตูนมากมายหลายเรื่อง

 

โฆษณาขี้ผึ้งบริบูรณ์บาล์มเรื่องนี้เองก็เช่นกัน เป็นภาพยนตร์โฆษณาแบบแอนิเมชั่น ฝีมือการวาดของปยุต เงากระจ่าง สร้างตัวการ์ตูนหนูหล่อและพ่อ เนื้อหาล้อแบบเรียนภาษาไทยสำหรับนักเรียนประถมไว้ฝึกอ่านเรื่อง “หนูหล่อ” ซึ่งเป็นกุศโลบายสอนเด็กไม่ให้ดื้อซนและเชื่อฟังคำสอนของพ่อ โฆษณาได้ดัดแปลงเนื้อหาและแต่งคำโฆษณาอย่างคล้องจองความว่า “หนูหล่อ พ่อเขาพาไปดูหมี ที่นาตาหมอหลอ หนูหล่อแสนซนเอาไม้แหย่หมี หมีโมโหกระโชกใส่ โฮก โฮก โฮก หนูหล่อตกใจหงายท้องตึง ร้องไห้จ้า บอกว่า ก้นพัง ก้นพัน พ่อต้องเอาบริบูรณ์บาล์มทาให้ แล้วสอนว่า ทีหลังอย่าซน ทีหลังอย่าซน พ่อหนูหล่อบอก หกล้มช้ำชอกใช้บริบูรณ์บาล์ม ..” ซึ่งแฝงการโฆษณาสรรพคุณขี้ผึ้งบริบูรณ์บาล์มได้อย่างแยบยล และยังสามารถคงใจความของแบบเรียนภาษาไทยอย่างแนบเนียน เป็นที่ติดหูของคนที่เกิดทันภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้

 

ภาพยนตร์โฆษณาหนูหล่อชิ้นนี้ จึงมีค่าแห่งความทรงจำของยุคสมัย สังคมไทยเมื่อห้าสิบปีมาแล้ว ความทรงจำของยุคต้นแห่งสังคมออนไลน์ทางโทรทัศน์ ซึ่งแม้จะยังไม่แพร่หลายทุกหลังคาเรือน เพราะยังคงจำกัดอยู่เฉพาะบ้านที่มีฐานะในพระนคร แต่ก็เป็นความทรงจำของวันเก่าที่แสนดี การนั่งชมโทรทัศน์พร้อมหน้ากันทั้งบ้านและบางทีเพื่อนบ้าน เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่สร้างความเพลิดเพลินเจริญใจ และฝากรอยยิ้มมาถึงแม้อนุชนในปัจจุบันและสืบไป