เสด็จอินโดจีน

ความยาว 80 นาที

ฟิล์ม 16 มม. / ขาว-ดำ / เงียบ

ผู้สร้าง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว


หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2468 พระราชกรณียกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการเสด็จเยี่ยมราษฎร และการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ อินโดจีนเป็นจุดหมายที่ 2 โดยในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีได้เสด็จพร้อมข้าราชบริพาร พระองค์ทรงบันทึกการเดินทางครั้งนั้นด้วยกล้องถ่ายภาพยนตร์ เป็นภาพยนตร์ส่วนพระองค์โดยให้ชื่อเรื่องว่า“เสด็จอินโดจีน พ.ศ. 2473” ความยาวทั้งสิ้น 7 ม้วน (ประมาณ 80 นาที) โดยทรงถ่ายตั้งแต่เสด็จจากท่าราชวรดิษฐ์โดยประทับเรือพระที่นั่งมหาจักรี ในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2473 จนกระทั่งวันเสด็จกลับพระนคร โดยรถไฟ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงถ่ายภาพยนตร์โดยละเอียดตลอดการเดินทางกว่าหนึ่งเดือน ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญมากมาย เช่น ในม้วนที่ 1 ทรงบันทึกเหตุการณ์การแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธไมตรี ระหว่างทีมฟุตบอลสยาม กับ ทีมไซ่ง่อน (ซึ่งเป็นทีมผสมระหว่างนักกีฬาญวนและฝรั่งเศส) ในวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2473 เวลา 17.00 น. ที่สปอร์ตคลับ Cercle Sportif ไซ่ง่อนทางการของอินโดจีนฝรั่งเศสได้จัดการแข่งขันนี้ขึ้นเพื่อถวายทอดพระเนตรในวโรกาสที่เสด็จเยือนอินโดจีนครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีทอดพระเนตรพร้อมกับมองสิเออร์ ปากีสแยร์ ผู้สำเร็จราชการแคว้นอินโดจีน การแข่งขันวันนั้นได้กลายเป็นการแข่งขันครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลทีมชาติไทย เพราะเป็นครั้งแรกที่ทีมฟุตบอลในนามทีมชาติไทย หรือ ทีมชาติสยามขณะนั้น ได้ออกไปแข่งขันในต่างประเทศ กับทีมต่างชาติ ครั้งนั้นนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติสยาม ประดับตรา “พระมหามงกุฎ” การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด บนสนามดิน ครึ่งแรกนักฟุตบอลไทยหกล้มหัวเข่าเคล็ดเป็นเหตุให้ต้องออกจากการแข่งขัน ก่อนที่นักกีฬาไทยจะชนะอย่างขาดลอยไป 4 ประตู ต่อ 0 หลังจบการแข่งขัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชวโรกาสให้นักกีฬาเข้าเฝ้า พระราชทานพระหัตถ์ให้นักกีฬาสัมผัส เป็นเกียรติแก่หัวหน้าทีมฟุตบอลสยาม คือขุนประสิทธิ์วิทยกร (ฮกคุปตะวานิช) พร้อมทั้งมีพระราชดำรัสชมเชยว่าเล่นดีมาก ผู้สำเร็จราชการแห่งแคว้นอินโดจีนเป็นผู้มอบถ้วยรางวัลแก่ทีมฟุตบอลสยามนอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้ทรงถ่ายภาพยนตร์สถานที่สำคัญที่ได้ไปเยือน อาทิ สถานปาสเตอร์ ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยที่ก่อตั้งโดย หลุยส์ ปาสเตอร์ นักเคมีชาวฝรั่งเศส และได้ขยายตัวไปในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศเวียดนาม พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าทรงทอดพระเนตรการผลิตยารักษาไข้มาลาเรีย,พิพิธภัณฑ์ไกดินซึ่งแต่เดิมเป็นตำหนักเก่าโบราณสถานศิลปะจามโบราณที่เมืองนาตรังหรือเหตุการณ์น่าสนใจระหว่างการเสด็จฯ เช่น ทอดพระเนตรการรีดนมวัวด้วยมือและการทำเนยในฟาร์มที่เมืองดาลัด ราษฎรชาวมอยส์เข้าเฝ้าเพื่อถวายสิ่งของ และแสดงการใช้หน้าไม้และเต้นรำถวาย ทรงบันทึกภาพยนตร์ชาวมอยส์ที่เข้าเฝ้าด้วยความสนพระราชหฤทัยในเชิงชาติพันธุ์ เมื่อเสด็จไปใกล้เมืองตุริน ทรงประสบอุบัติเหตุรถไฟ ขบวนก่อนหน้านั้นตกรางอยู่ ก็ทรงบันทึกเหตุการณ์ไว้ในเชิงข่าวอีกด้วยภาพยนตร์ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ นี้ มีคุณค่าทำนองเดียวกับพระราชหัตถเลขา “ไกลบ้าน” ในพระพุทธเจ้าหลวง เพียงแต่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ พระราชนิพนธ์ด้วยกล้องถ่ายภาพยนตร์แทนที่จะเป็นปากกา