ความยาว 26 นาที
ฟิล์ม 16 มม. / ขาว-ดำ / เงียบ
เป็นภาพยนตร์บันทึกเหตุการณ์สำคัญระดับชาติและเป็นประวัติการณ์ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การกีฬาของชาติ โดยเฉพาะวงการมวยสากลอาชีพของไทย เพราะเป็นการบันทึกเหตุการณ์เมื่อครั้งที่นักมวยไทยคนแรกได้ขึ้นชกชิงตำแหน่งแชมเปี้ยนโลก เมื่อปี พ.ศ. 2497 นั่นคือการชกระหว่างจำเริญ ทรงกิตรัตน์ นักมวยไทย ในฐานะผู้ท้าชิง กับ จิมมี่ คารัทเธอร์แชมเปี้ยนโลก มวยสากลรุ่นแบนตัมเวธของสมาคมมวยนานาชาติ (สมาคมมวยโลกปัจจุบัน) ชาวออสเตรเลีย กำหนดชกกันในกรุงเทพ วันที่ 2 พฤษภาคม 2497 ณ เวทีมวยชั่วคราวกลางแจ้ง ในสนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ เหตุการณ์ครั้งนั้น นับว่าเป็นความทรงจำครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของคนไทยทั้งประเทศ เพราะเป็นอีกครั้งในน้อยครั้งที่คนไทยจะแสดงความสามารถระดับโลก โดยเฉพาะด้านกีฬา ซึ่งกีฬามวยถือว่าเป็นกีฬายอดนิยมอย่างหนึ่งของคนไทย และมีความหวังว่ามวยนี่แหละที่เราจะสู้เขาได้ เพราะมีแบ่งรุ่นแบ่งน้ำหนัก ก่อนหน้านี้ ในระยะก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เราเคยมี พระองค์เจ้าพีระพงษ์ภาณุเดช ทรงเป็นแชมเปี้ยนการแข่งรถประลองความเร็วระดับโลกในยุโรป แต่ดูเหมือนสนามแข่งและการแข่งขันจะอยู่ห่างไกลจากความคุ้นเคยของคนไทย ไม่รู้สึกเร้าใจเท่ากีฬามวย จำเริญ ทรงกิตรัตน์ จึงกลายเป็นขวัญใจชาวไทยและเป็นความหวังทางจิตใจของคนไทยทั้งประเทศข้อน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ จำเริญหรือชื่อจริง สำเริง ศรีมาดี เป็นชาวนครพนมเรียนจบพลศึกษา เป็นนักมวยไทยอาชีพก่อนจะเปลี่ยนมาชกมวยสากล และเป็นตำรวจ จึงได้รับการสนับสนุนจากกรมตำรวจ โดยเฉพาะในยุคของ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ จำเริญจึงไม่เป็นเพียงขวัญใจและความหวังของชาวไทยในยุคหลังเชื่อผู้นำชาติพ้นภัย ซึ่งร่องรอยของกระแสชาตินิยมยังมีอยู่ในขณะที่ท่านผู้นำก็กลับมา แต่จำเริญเป็นขวัญใจและความหวังของตำรวจไทยด้วย ภาพยนตร์นี้ ไม่ปรากฏชื่อผู้สร้างผู้ถ่าย หอภาพยนตร์แห่งชาติ ได้รับบริจาคมาจาก นางพิสมัย เล็กประเสริฐ แห่งพิสมัยฟิล์ม ท่าตะโก นครสวรรค์ ซึ่งเป็นบริการภาพยนตร์ หรือสายหนังรายใหญ่ของจังหวัด และหยุดกิจการในระยะที่เริ่มมีการจัดตั้งหอภาพยนตร์คุณพิสมัยและครอบครัวจึงบริจาคฟิล์มภาพยนตร์ต่าง ๆ ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับการจัดจำหน่ายและจัดฉายภาพยนตร์แก่หอภาพยนตร์แห่งชาติ ภาพยนตร์นี้รวมอยู่ในบรรดาภาพยนตร์และของต่าง ๆ ที่ได้รับมอบมา ซึ่งแสดงว่าในสมัยนั้น โรงภาพยนตร์ยังต้องฉายภาพยนตร์ข่าว สารคดี เป็นปกติด้วยภาพยนตร์นี้ คงจะเป็นภาพยนตร์ข่าวหรือเบื้องหลังข่าว บันทึกเหตุการณ์และการแข่งขันชกมวยชิงแชมป์โลกครั้งประวัติศาสตร์ดังกล่าว เริ่มต้นด้วยการแห่โดยขบวนรถยนต์ นำนักมวยทั้งสองไปตามถนนราชดำเนินกลางและนอก มีประชาชนมาต้อนรับหนาแน่นสองฝั่งถนน เห็นจำเริญและจิมมี่นั่งคู่กันบนท้ายรถเก๋งเปิดประทุน ซึ่งในรถเห็นอาจารย์เจือ จักษุรักษ์ นั่งไปด้วย ขบวนแห่ไปที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรี เข้าพบนายกรัฐมนตรี ตอนค่ำมีงานเลี้ยงรับรอง นายกรัฐมนตรี จอมพล ป.พิบูลสงคราม และท่านผู้หญิงละเอียด เพื่อเป็นเกียรติและให้ขวัญกำลังใจแก่จำเริญ เห็นพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ ต่อไปเป็นภาพการซ้อมของจิมมี่ ที่ค่ายซ้อมฉวีวงษ์ และบาร์ โบส เห็นจิมมี่ซ้อม ออกกำลังกาย เต้นชกลม และซ้อมลงนวมกับคู่ซ้อมเป็นนักมวยไทย มีประชาชนมาชมจำนวนมากจากนั้นภาพยนตร์ให้เห็นการซ้อมของจำเริญ มีการออกกำลัง เต้นชกลม ชกแป้น กระโดดเชือก และซ้อมลงนวมกับคู่ซ้อมซึ่งเป็นนักมวยฝรั่ง แล้วให้เห็นการพักผ่อนของจำเริญ เล่นลูกหินกับพวกเด็กชาย ต่อจากนั้นภาพยนตร์แสดงการประชุมคณะกรรมการแข่งขัน เห็นมิสเตอร์แนต แฟลชเชอร์ บรรณาธิการนิตยสารเดอะริง แล้วต่อด้วยการชั่งน้ำหนักของนักมวยทั้งสอง สุดท้ายเป็นเหตุการณ์วันชก 2 พฤษภาคม 2497
ภาพยนตร์ถ่ายให้เห็นท้องฟ้ามืดทมึนด้วยเมฆฝน สภาพในสนามศุภชลาศัยก่อนแข่งขันใกล้ค่ำที่แข่งขัน ซึ่งตั้งเวทีไว้กลางแจ้งกลางสนาม ซึ่งเต็มไปด้วยผู้ชมแน่นสนาม เห็นห้องพักนักมวย นักมวยที่จะขึ้นชกในรายการนี้กำลังเตรียมตัว ผูกผ้าพันมือ นวดตัว ภายนอกสนามก็มีผู้คนเข้ามาเพื่อชมการแข่งขันเรื่อย ๆ สุดท้ายเป็นบันทึกการแข่งขัน เริ่มจากการชกของคู่มวยไทยคู่หนึ่ง มีฝนตกหนักผู้ชมเปียกปอน บ้างเอาผ้าพลาสติกคลุมร่าง
น่าเสียดายที่เหตุการณ์ยังไม่ทันถึงการชกของคู่สำคัญ ภาพยนตร์จบหรือขาดห้วนอยู่เพียงเท่านี้แม้จะไม่มีเหตุการณ์สำคัญคือการชกของจำเริญและจิมมี่ แต่ภาพยนตร์ที่เหลืออยู่เท่านี้ ซึ่งยาวประมาณ 26 นาที มีคุณค่าเป็นบันทึกวันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย สามารถย้อนให้เราเห็นอารมณ์ความรู้สึกของคนไทยเมื่อ 60 ปีที่แล้ว และเป็นอนุสรณ์ของ จำเริญ ทรงกิตรัตน์ ขวัญใจชาวไทยและตำรวจไทย ซึ่งเขามีโอกาสทำความฝันและความหวังของคนไทยที่จะได้ชื่อว่าคนไทยก็เก่งที่สุดในโลกถึงสามครั้งติด ๆ กันนั่นคือ การชกชิงแชมป์โลกกับจิมมี่ ครั้งนี้จำเริญแพ้คะแนน หลังจากชกกันกลางสายฝนไปได้ 12 ยก ตามกำหนด 15 ยก แต่เพราะในยก 12 ดวงไฟนีออนเหนือเวทีถูกลมฝนพัดหล่นลงแตกบนพื้นเวที บาดเท้านักมวยซึ่งต้องถอดรองเท้าชก ทำให้คณะกรรมการต้องยุติการชกและนับคะแนน ต่อมาจิมมี่สละ ตำแหน่งและแขวนนวม จำเริญถูกเลือกให้ชกชิงแชมป์ที่ว่ากับ โรแบร์ โคฮัง นักมวยฝรั่งเศส ซึ่งเดินทางมาชกกันที่กรุงเทพ เมื่อ 19 กันยายน2497 โดยมีการแห่แหนและจัดการแข่งขันยิ่งใหญ่ไม่แพ้ครั้งแรก และปรากฏว่าจำเริญ แพ้คะแนนอีก ไม่กี่เดือนต่อมา โคฮัง ถูกปลดจากแชมป์เพราะหลีกเลี่ยงไม่ยอมป้องกันตำแหน่งกับราอูล มาเชียส นักมวยเม็กซิกัน
สมาคมมวยนานาชาติจึงให้จำเริญ ชิงแชมป์ที่ว่างกับมาเชียส โดยเดินทางไปชกกันที่สหรัฐอเมริกา เมื่อ 9มีนาคม 2498 ปรากฏว่าจำเริญแพ้น็อคยกที่ 11 ปิดตำนานความหวังและความฝันของคนไทยในสมัยนั้น