ความยาว 120 นาที
ฟิล์ม 35 มม. / สี / เสียง
บริษัทสร้าง 67 การละครและภาพยนตร์
ผู้ประพันธ์ เนื่องน้อย ศรัทธา
ผู้กำกับ สักกะ จารุจินดา
ผู้แสดง สายัณห์ จันทรวิบูลย์, ดวงดาว จารุจินดา, ราชันย์ กาญจนมาศ, เปียทิพย์ คุ้มวงศ์, พิภพ ภู่ภิญโญ, จำนงค์ บำเพ็ญทรัพย์,กุ้ย สร้อยคีรี, จำรัก ชำนาญประดิษฐ์, ประกอบ อ่อนนุ่ม, ด.ญ. อ้อย วงศ์สมเพชร, สุวรรณา วงศ์สมเพชร, พาส พรานนก
ตลาดพรหมจารีย์ เป็นหนึ่งในผลงานของนักสร้างภาพยนตร์ไทยที่ได้รับการพูดถึงจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์ในระยะก่อน 14 ตุลาคม ว่าเป็น “คลื่นลูกใหม่” ซึ่งได้แก่ เปี๊ยก โปสเตอร์ สักกะ จารุจินดา และ มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ตลาดพรหมจารีย์ ออกฉายราวสี่เดือน ก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา เป็นผลงานของ สักกะ จารุจินดา (ชาติ จารุจินดา) ผู้สร้างภาพยนตร์ไทย ซึ่งผันตัวเองมาจากคนในวงการโทรทัศน์ เป็นฝ่ายศิลปกรรมของสถานีไทยโทรทัศน์ ช่อง 4 และเป็นเจ้าของคณะละครโทรทัศน์ เป็นผู้เขียนบท ผู้กำกับ และผู้แสดง ราวปี 2513 สักกะลาออกจากวงการโทรทัศน์มาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ เริ่มด้วยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง วิมานสลัม ออกฉายในปี 2514 ก่อนจะสร้าง ตลาดพรหมจารีย์ ออกฉายในปี 2516 ตลาดพรหมจารีย์ ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ ว่าเป็นภาพยนตร์ไทยที่ผู้สร้างพยายามยกระดับให้พ้นจากความเป็นน้ำเน่าของหนังไทยในระยะนั้น มีผู้เห็นว่า ผลงานหนังไทยเรื่องนี้ เปรียบเทียบได้กับ หนังกระแสนีโอเรียลลิสต์ของวงการหนังอิตาลีในระยะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ใหม่ ๆ นั่นคือเป็นหนังที่สะท้อนเรื่องราวของคนเล็กคนน้อยเรื่องราวในชีวิตจริง แสดงความเป็นไปตามที่มันควรเป็นจริง ๆ และมักใช้คนแสดงที่เป็นชาวบ้านจริง ๆ ผู้สร้าง ตลาดพรหมจารีย์พยายามถ่ายทำให้ภาพยนตร์ออกมาดูสมจริง ด้วยการไปถ่ายในสถานที่จริง การแต่งกาย แต่งหน้าของผู้แสดงให้สมกับวิถีชีวิตของชาวประมง เรื่องราวของครอบครัวชาวประมง ซึ่งมี พ่อ แม่ ลูกเลี้ยงสาวรุ่น ลูกสาวเล็ก ๆ และปู่ แกมเป็นหัวหน้าครอบครัวอยากจะหลุดพ้น จากความยากจน และความยากลำบากของ การทำมาหากินด้วยการจับปลา เพราะเขามีแต่เรือเล็กติดใบ สามารถหากินด้วยการจับปลาตามชายฝั่ง ในขณะที่ปลาเล็กปลาน้อยหายไปหมด เพราะเรือประมงขนาดใหญ่ที่ใช้อวนลาก กวาดปลาไปจนหมด แกมต้องการ เครื่องยนต์ติดท้ายเรือใบของเขาเพื่อออกไป จับปลาในท้องทะเลนอกชายฝั่ง ทำอย่างไรเขาจึงจะหาเงินมาซื้อเครื่องยนต์ แม้จะเป็นเครื่องยนต์เก่า ๆ ก็ตามที ด้วยความกดดัน จากการดิ้นรนเพื่อชีวิตและครอบครัว กับคำดูถูกของเพื่อนบ้าน ที่สุดแกมหน้ามืดตามัวสิ้นคิดถึงกับแอบตกลงขายเปีย เด็กสาวที่ตนเก็บมาเลี้ยงเหมือนลูก ให้พวกทำธุรกิจโสเภณี ที่มาเสนอขอซื้อเพราะเป็นหญิงพรหมจารีย์ ราคาดี ความอยากได้เครื่องยนต์เพื่อช่วยชีวิตของครอบครัวครอบงำจิตใจทำให้แกมตกปาก รับคำแกมรีบเอาเงินก้อนนั้นไปซื้อเครื่องยนต์เก่า ๆ ทันที และพาครอบครัวทดลองนั่งเรือด้วยเครื่องยนต์ที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเขาได้มาอย่างไร เปียนั่งไปด้วยความดีใจระคนตื่นเต้นในคราวแรก แต่เหมือนฟ้าดินจะให้สัญญาณแห่งโศกนาฏกรรม เมื่อพายุฝนเกิดขึ้นกลางทะเลไกลจากชายฝั่ง เครื่องยนต์เกิดดับ เมื่อครอบครัวรอดชีวิตกลับมาถึงฝั่งได้ แมงดาก็มาทวงข่มขู่ถึงบ้านให้แกมรีบส่งสินค้าไว ๆ เมื่อปัญหาถาโถมมาเช่นนี้ ด้วยเป็นคนซื่อแกมจึงต้องทำตามข้อตกลงลับ ออกอุบายให้เปียถือจดหมายไปให้แมงดาที่บ้าน แต่ด้วยความเด็ดเดี่ยว เปียหนีซมซานออกมาจากซ่องกลับ มายังบ้านที่ตนเห็นว่าเป็นที่ปลอดภัยที่สุด แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคราวนี้แกมจะจับเธอส่งกลับไปซ่อง มีแต่แม่เลี้ยงซึ่งสุดจะทนได้จึงเข้าช่วยให้เธอหนีไปเสีย เปียหนีไปขอความช่วยเหลือจาก แฝง เพื่อนชายซึ่งเป็นความหวังสุดท้าย แต่กลับถูกแฝงประณามด่าทอที่หายไปหลายวัน เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเปียเต็มใจไปขายตัว เมื่อความหวังสุดท้ายดับสิ้นลง เปียจึงเดินไปที่หน้าผา กระโดดลงสู่ทะเลจบชีวิตอันแสนอาภัพช้ำชอก เป็นการแตกสลายของความสัมพันธ์ในครอบครัว และการแตกสลายของจิตใจของมนุษย์
ตลาดพรหมจารีย์ ได้รางวัลพระสุรัสวดีในปี พ.ศ. 2517 3 รางวัล คือ รางวัลนักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยม (เปียทิพย์คุ้มวงศ์) รางวัลผู้ออกแบบและจัดเครื่องแต่งกาย และรางวัลพิเศษ ให้กับการแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยอย่างสมจริง