ภาพยนตร์บันทึกการเดินทางของนักโบราณคดีสู่สยาม 2472 โดย Jean-Yves Claeys

ภาพยนตร์เรื่องนี้บันทึกการเดินทางสำรวจทางโบราณคดีในราชอาณาจักรสยามของ Jean-Yves Claeys นักโบราณคดีและสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ราวปลายเดือนตุลาคมจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2472 โดยการเดินทางครั้งนี้มี George Cœdès เป็นผู้ประสานงานกับรัฐบาลสยาม และสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพช่วยอำนวยและจัดการเดินทาง จากภาพที่ปรากฏในการเดินทางทำให้ทราบว่า Claeys ซึ่งเป็นผู้มีความสนใจเรื่องการถ่ายภาพยนตร์สมัครเล่น ได้บันทึกภาพยนตร์ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ และน่าจะมีเจตนาทำเป็นภาพยนตร์ส่วนตัวบันทึกการเดินทาง มากกว่าจะต้องการให้เป็นหลักฐานอย่างเป็นทางการของการสำรวจ ซึ่งสอดคล้องกันกับคำบรรยายแบบลำลองที่ Claeys ได้จัดทำไว้ประกอบภาพยนตร์เป็นช่วง ๆ นอกจากนี้ในส่วนท้ายจะเป็นเศษของภาพยนตร์ที่น่าจะบันทึกในเวียดนามก่อนการเดินทางเข้ามาสำรวจในสยาม เนื่องจากในช่วงเวลานั้น Jean-Yves Claeys มีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่กับสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ ประเทศเวียดนาม


จากข้อมูลของสำนักฝรั่งเศสฯ ในช่วงปี 2472 นั้น เป็นช่วงปีที่ศาสตราจารย์ George Cœdès ยังรับราชการกับกรุงสยาม (เป็นภัณฑารักษ์ของหอสมุดวชิรญาณ และต่อมาเป็นผู้อำนวยการสำนักราชบัณฑิตยสภา) เป็นปีสุดท้ายก่อนจะเดินทางไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักฝรั่งเศสฯ  ณ เมืองฮานอย 



ภาพ: สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ


จากบันทึกจดหมายเหตุของสำนักฝรั่งเศสฯ ตีพิมพ์ใน Bulletin de l'École française d'Extrême-Orient ปี ค.ศ. 1929 รายละเอียดระบุว่าแม้ Cœdès จะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักฯ แล้วตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน และได้เดินทางไปยังเวียดนามในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1929 แล้วนั้น สำนักฯ ได้รับมอบหมายให้ทำโครงการสำรวจศึกษาในราชอาณาจักรสยาม ลงวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1929 ทำให้ Cœdès เดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ อีกครั้งเพื่อเตรียมการให้กับการลงพื้นที่สำรวจ โดยมี Jean-Yves Claeys เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการลงพื้นที่สำรวจศึกษาหลัก


ตามข้อมูลจดหมายเหตุดังกล่าวนี้ Cœdès ซึ่งรับราชการในกรุงสยามมาแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 1911 ตามคำเชิญของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรง-ราชานุภาพ ทรงเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการประสานงาน (สั่งการ) ให้หน่วยราชการท้องถิ่นดูแลการลงพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะกับกองงานโบราณคดีสยาม ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ภายใต้กำกับของสำนักราชบัณฑิตยสภา และหน่วยราชการท้องถิ่นต่าง ๆ 



ภาพ: ตราสัญลักษณ์ และอักษรย่อ J.Y.C. ที่ปรากฏในภาพยนตร์ 


โดยช่วงต้นของภาพยนตร์ปรากฏอักษรข้อความบรรยายในภาษาฝรั่งเศสสามารถแปลความได้ว่า [รายงานการสำรวจทางโบราณคดี ณ กรุงสยาม ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 1929, ภาพยนตร์ซึ่งถ่ายขึ้นวันต่อวันในสภาพการถ่ายทำที่ไม่เอื้ออำนวยเป็นอย่างยิ่งนี้ไม่อาจอ้างสถานะงานสารคดีว่าด้วยกรุงสยามที่สมบูรณ์ได้ เราทำได้เพียงแค่นำเสนอภาพบันทึก “ความทรงจำของการเดินทาง” ให้กับผู้สนใจใคร่รู้ อนึ่ง สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ผู้ต้อนรับเราด้วยมิตรไมตรีคือจิตวิญญาณของการสำรวจครั้งดังกล่าว] 


ต่อจากนั้น ในภาพยนตร์จะปรากฏ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรง-ราชานุภาพ Cœdès และบุคคลอื่น ๆ ในบริเวณของพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร ในบริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล (ปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) ต่อจากนั้นจึงเป็นอักษรคำบรรยาย แปลความหมายได้ว่า [George Cœdès ในฐานะข้าราชการชาวสยาม คือผู้ที่ช่วยอำนวย และจัดการเดินทางครั้งนี้ให้กับเรา เราถือเป็นหนี้บุญคุณกับท่านเป็นที่สุด...] และภาพ Jean-Yves Claeys ในชุดทักซิโด้ ร่วมกับศาสตราจารย์ George Cœdès ขณะกำลังสนทนาและสูบยาเส้นร่วมกันในบรรยากาศที่น่าจะเป็นยามเช้าวันหนึ่ง 



ภาพ: Claeys ตั้งกล้องบันทึกภาพตนเอง ณ วัดเจ็ด


ภาพยนตร์ช่วงต่อมาปรากฏอักษรคำบรรยาย ตอนแรก “เมืองหลวง” กรุงเทพฯ ภาพของแม่น้ำเจ้าพระยา ป้อมวิไชยประสิทธิ์ และสนามหลวงซึ่งสิ่งก่อสร้างของพระเมรุมีสภาพไม่สมบูรณ์ (สันนิษฐานว่าคือ พระเมรุ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุ-พันธุวงศ์วรเดช หลังใช้ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ในเดือนพฤษภาคม 2472) ต่อจากนั้นจึงเป็นวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และภาพมุมกว้างของเมืองซึ่งถ่ายจากด้านบนของพระปรางค์วัดอรุณฯ ต่อมาจึงเป็นช่วงของการเดินทางไปยังอยุธยา เริ่มจากทิวทัศน์สองข้างทางถ่ายจากบนรถไฟ ต่อด้วยการเดินทางทางเรือ เห็นบรรยากาศบ้านเรือน และการซื้อขายสินค้าจำนวนมาก จากนั้นคณะเดินทางได้ไปเยือนโบราณสถานในอยุธยา เช่น วัดพระศรีสรรเพชญ์ วิหารพระมงคลบพิตร วัดพุทไธศวรรย์ ซึ่งมีปรางค์ประธานองค์ใหญ่มองเห็นได้ชัดเจนจากริมฝั่งแม่น้ำ จากนั้นจึงมีข้อความแจ้งถึงการจบลงของเนื้อหาช่วงแรก ตราสัญลักษณ์ และอักษรย่อ J.Y.C. ของ Jean-Yves Claeys 



ภาพ: บางช่วงของการเดินทางด้วยรถไฟ


บันทึกเหตุการณ์ช่วงต่อไปเป็นการบันทึกขณะที่คณะเริ่มเดินทางสำรวจ ซึ่ง Cœdès ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย โดยเริ่มจากภาพถ่ายจากบนรถไฟขณะขบวนรถเคลื่อนผ่านสถานีหนองไม้เหลือง จังหวัดเพชรบุรี มีภาพของแผนที่ปรากฏแจ้งจุดหมายการเดินทางว่าเป็นจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เมืองนครศรีธรรมราช คณะสำรวจได้เดินทางไปยังพระบรมธาตุเจดีย์ 


จากนั้นจึงเดินทางด้วยรถไฟย้อนกลับมาที่ไชยา โดยสารช้างและรถยนต์ผ่านเส้นทางกันดาร ไปที่ซากโบราณสถานอันรกเรื้อที่เขาน้ำร้อน ภาพของสมาชิกคณะสำรวจที่ยืนอยู่หน้าโบราณสถานวัดแก้วที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใบหญ้า แสดงให้เห็นขนาดอันใหญ่โตของตัวเจดีย์ทรงปราสาท ภาพที่ได้ถูกบันทึกในช่วงนี้นอกจากบันทึกภาพโบราณสถานแล้วยังได้บันทึกสมาชิกของ



ภาพ: โบราณสถานวัดแก้ว ไชยา 


คณะสำรวจระหว่างการเดินทางอันทรหด เช่น หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ (ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นภัณฑารักษ์ของกองงานพิพิธภัณฑ์หลวง) และผู้คนในท้องถิ่น รวมถึงพระสงฆ์ที่วัดป่าลิไลยก์ไว้ด้วย จากนั้นคณะสำรวจจึงเดินทางต่อไปที่เพชรบุรี แวะชมเขาวัง และออกเดินทางต่อไปที่ราชบุรี แวะชมวัดมหาธาตุวรวิหาร บรรยากาศตลาดริมน้ำที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน และกลับเข้ากรุงเทพฯ




ภาพ: พระสงฆ์รูปหนึ่ง ณ วัดเชียงมั่น สันนิษฐานว่าคือ ครูบาเจ้าศรีวิชัย


จากนั้นจึงเริ่มเดินทางอีกครั้ง โดยการเดินทางช่วงนี้มีเอกสารบันทึกเป็นจดหมายรายงานวันเดินทางของ Cœdès แจ้งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่าเริ่มขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคม คณะสำรวจโดยนาย Jean-Yves Claeys เดินทางไปยังจังหวัดลพบุรี และได้เข้าพื้นที่โบราณสถานบริเวณพระปรางค์สามยอด และมุ่งสู่พิษณุโลกเป็นจังหวัดต่อไป ที่พิษณุโลกนี้ คณะสำรวจได้ลงเรือล่องแม่น้ำน่านซึ่งสองฝั่งเต็มไปด้วยเรือแพไปที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุหรือวัดใหญ่ และชมละครรำชาตรีที่มีชื่อเสียง จากนั้นไปสักการะพระพุทธชินราชซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ วิหารด้านตะวันตก และเดินทางต่อไปที่แหล่งโบราณสถานสวรรคโลก ศรีสัชนาลัย บันทึกภาพบริเวณพระปรางค์ใหญ่ และพระพุทธรูปปูนปั้นปางลีลา วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง จากนั้นจึงเดินทางต่อไปที่แหล่งโบราณสถาน ซึ่งปัจจุบันคือ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย บันทึกภาพบริเวณวัดตะพานหิน ซึ่งมีพระประธานเป็นพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่สูงกว่า 12 เมตร จากนั้นคณะสำรวจจึงได้เดินทางต่อไปด้วยรถไฟ ภาพยนตร์ได้บันทึกทิวทัศน์อันสวยงามด้วยธรรมชาติของทางรถไฟบนไหล่เขาเลาะแม่น้ำยม บริเวณแก่งหลวง จังหวัดแพร่ 



ภาพ: พระพุทธรูปปูนปั้นปางลีลา วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง


ระหว่างทางคณะเดินทางได้แวะเยี่ยมชมอุตสาหกรรมป่าไม้ที่มีช้างเป็นแรงงานสำคัญ (จากลักษณะของตัวอักษรบรรยายเรื่อง สันนิษฐานว่ายั่วล้อกับ Chang: A Drama of the Wilderness ซึ่งออกฉายไปทั่วโลกก่อนช่วงเวลาของการสำรวจราว 2 ปี) จากนั้นจึงเป็นการไปเยือนเชียงแสน ซึ่งเป็นจุดผ่านทางของขบวนเดินทางจากทั้งจีน พม่า และลาว คณะสำรวจโดย Claeys ได้บันทึกภาพของแม่น้ำโขงในช่วงที่เริ่มเข้าสู่ช่วงแล้ง ปรากฏดอนทรายในแม่น้ำ ในบริเวณซึ่งน่าจะเป็นสามเหลี่ยมทองคำ จากนั้นย้อนกลับมาที่ลำปาง ซึ่ง Cœdès กลับเข้ามาร่วมคณะสำรวจ และเดินทางต่อไปสู่เชียงใหม่ บันทึกภาพของบ้านเมือง ตลาดเช้า บ้านหลวงอนุสารสุนทร (เดิม) ซึ่งอยู่แถวริมปิง สะพานนวรัฐ เจดีย์บรรจุอัฐิพระเจ้าติโลกราช ในวัดเจ็ดยอด ที่วัดเจ็ดยอดนี้จะได้เห็น Claeys ตั้งกล้องบันทึกภาพตนเองขณะจดบันทึกอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาจึงเป็นภาพของวัดพระสิงห์ทั้งในส่วนของหอไตรและวิหารหลวง แล้วจึงเป็นภาพของพระศีลาและพระแก้วขาว วัดเชียงมั่น กับพระสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งสันนิษฐานว่าคือ ครูบาเจ้าศรีวิชัย (อาจถือว่าเป็นภาพเคลื่อนไหวเดียวของครูบาเจ้าศรีวิชัยที่ได้ค้นพบในปัจจุบัน)


ช่วงต่อมา Claeys ได้บันทึกช่างฝีมือขณะกำลังประดิษฐ์เครื่องเขิน งานหัตถกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นของชาวล้านนา สถานที่ต่อมาซึ่ง Claeys ได้เดินทางไปสำรวจคือ เจดีย์วัดกู่กุด หรือวัดจามเทวี และได้ไปบันทึกภาพของโรงทอผ้าไหมยกดอก ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำกวง ฝั่งตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จากนั้นจึงเป็นภาพของพระธาตุหริภุญชัย 



ภาพ: ทางรถไฟบนไหล่เขาเลาะแม่น้ำยม บริเวณแก่งหลวง แพร่


การบันทึกภาพในช่วงท้ายของการเดินทางนี้ Claeys สนใจบันทึกภาพของผู้คนที่ได้พบในการเดินทางมากขึ้น เช่น หญิงสาวหลายคนกำลังทอผ้า และครอบครัวชาวบ้านที่วัดกู่กุด รวมถึงบรรดาเด็กหญิงเด็กชายซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสมาชิกครอบครัวของช่างฝีมือเครื่องเขิน ในเชียงใหม่ไว้ด้วย


Claeys จบภาพสุดท้ายของการบันทึกการเดินทางสำรวจในราชอาณาจักรสยามที่แม่น้ำโขง รวมความยาวในส่วนนี้ประมาณ 4๐ นาที ครอบคลุมการเดินทางไปที่แหล่งโบราณคดีหลายแห่ง หลายจังหวัด ตั้งแต่พระนครศรีอยุธยา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เพชรบุรี ราชบุรี ลพบุรี พิษณุโลก สุโขทัย ลำปาง เชียงใหม่ ลำพูน ในการนี้ Claeys ยังได้จัดทำเอกสาร L'Archéologie du Siam (รายงานการสำรวจทางโบราณคดี ณ กรุงสยาม) ซึ่งในเวลาต่อมาถือเป็นเอกสารสำคัญหนึ่งในด้านการศึกษาโบราณคดีของสยาม



ภาพ: เจดีย์วัดกู่กุด (วัดจามเทวี)


หลังจากภาพยนตร์ที่บันทึกการเดินทางสำรวจแหล่งโบราณคดีในสยามจบลง ส่วนที่ต่อท้ายอยู่คือเศษของภาพยนตร์หลากหลายเหตุการณ์ ประกอบด้วย ภาพยนตร์ที่ Claeys ถ่ายบันทึกภาพแหล่งโบราณคดี Dong Son ริมแม่น้ำ Ma ในจังหวัด Thanh Hoa ในเวียดนาม ซึ่งเป็นชุมชนเกษตรกรรมที่มีการทำโลหะสำริดโดยมีผู้แทนของฝรั่งเศสไปดำเนินการ คือ Louis Pajot ต่อยอดจากการเริ่มค้นพบของชาวประมงท้องถิ่น, ภาพของสะพาน Thanh Hoa (เดิม) ซึ่งเป็นสะพานเหล็กขนาดใหญ่ สร้างโดยฝรั่งเศส และเริ่มเปิดใช้งานปี 2447 (ก่อนจะถูกทำลายในช่วงสงครามอินโดจีน และสร้างขึ้นใหม่มาจนถึงปัจจุบัน) จากนั้นจึงเป็นภาพบันทึกร่วมกับ Cœdès ที่ Battambang หรือพระตะบอง, ภาพของจุดข้ามแดนอรัญประเทศ, ภูมิทัศน์สองข้างทาง ถนน บ้านเรือนที่ไม่สามารถระบุสถานที่ได้ และช่วงท้ายสุดของภาพยนตร์มีลักษณะเป็นเศษฟิล์ม ปรากฏภาพชายฝั่ง ท่าเรือ เรือเดินสมุทร CLAUDE CHAPPE ออกจากท่าที่ไฮฟองเพื่อไปดานัง และภาพเรือจะเข้าเทียบท่าที่กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถระบุช่วงเวลาและลำดับของเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน


ภาพยนตร์เรื่อง การเดินทางของนักโบราณคดีสู่สยาม 2472 นี้ หอภาพยนตร์ได้รับมอบเป็นม้วน VHS มาจาก Henri Claeys บุตรชายของ Jean-Yves Claeys ราวปี 254๐ โดยเป็นการแปลงสัญญาณมาจากฟิล์มภาพยนตร์ขนาด 9.5 มม. และน่าจะถูกจัดทำโดยบริษัทในอังกฤษชื่อ FilmTek รวมความยาวทั้งสิ้น 63.54 นาที  


ประวัติชีวิตและการทำงานโดยสังเขปของ Jean-Yves Claeys


Jean Yves Claeys เกิดที่เมืองนีซ ฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1896 เคยเข้าร่วมกองทัพในสงครามโลกครั้งที่ 1 Claeys สำเร็จการศึกษาที่สถาบันศิลปะตกแต่งแห่งเมืองนีซ และต่อมาเข้าศึกษาต่อที่สถาบันศิลปะแห่งเมืองปารีส ในสาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์ โดยในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1923-1927 ได้เข้ารับราชการในกองงานเทศบาลของอาณานิคมอินโดจีน


 

ภาพ: Jean Yves Claeys ในเวียด


Claeys มีความสนใจในงานโบราณคดี และต่อมาได้เข้าทำงานกับสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ / EFEO (École française d'Extrême-Orient) ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1927 ต่อมาในปี ค.ศ. 1934 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักอนุรักษ์-บูรณะแหล่งโบราณสถานในกลุ่มอารยธรรมอันนัม-จามปา ภายใต้กองโบราณคดี ประเทศฝรั่งเศส และได้รับตำแหน่งเป็นเลขานุการบรรณารักษ์กับห้องสมุดของสำนักฝรั่งเศสฯ (เดิมมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเวียดนาม) ก่อนหน้าจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์แหล่งโบราณสถานของสำนักฯ


นอกจากนั้น Claeys ยังทำงานสำรวจศึกษาทางด้านชาติพันธุ์วรรณนาและวัฒนธรรมทางด้านวัตถุ (โดยเฉพาะเทคโนโลยีโบราณหรือในเชิงชาติพันธุ์วรรณนา) ให้กับพิพิธภัณฑ์ Trocadéro ฝ่ายอาณานิคมอินโดจีน และทำงานให้กับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งเมืองปารีส นอกเหนือจากโครงการวิจัยในพื้นที่ต่าง ๆ ให้กับสำนักฝรั่งเศสฯ ด้วย



ภาพ:  เอกสาร L’archéologie du Siam


Jean-Yves Claeys ถึงแก่กรรม ณ กรุงปารีส ปี ค.ศ. 1978 รวมอายุทั้งสิ้น 82 ปี


*ขอบคุณ สุรกานต์ โตสมบุญ สำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ กรุงเทพฯ และ ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ ในการสนับสนุนข้อมูลของบทความ


---------------------------
โดย ธิติพงษ์ ก่อสกุล
ที่มา: จดหมายข่าวหอภาพยนตร์ ฉบับที่ 81 ประจำเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2567