ภาพยนตร์ไทยชุด บ้านผีปอบ กลายเป็นปรากฏการณ์อันสำคัญอย่างหนึ่งของวงการภาพยนตร์ไทย เมื่อภาพยนตร์เกรดรอง ทุนสร้างไม่สูง เนื้อหาไม่ซับซ้อน ออกฉายเน้นที่โรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัดและชานเมือง แต่ปรากฏว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ จนผู้สร้างสามารถสร้างภาคต่อออกมาอย่างต่อเนื่องได้อีกถึง 13 ภาค ในช่วงเวลา 5 ปี ในขณะที่โรงภาพยนตร์ชั้นนำในกรุงเทพฯ ต้องยอมเปิดรอบฉายให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
บ้านผีปอบ ทั้ง 13 ภาค ล้วนมีเนื้อหาที่คล้ายกัน คือ มีผีปอบอาละวาดขึ้นในหมู่บ้าน แล้วใช้เวลาทั้งหมดในภาพยนตร์ไปกับการนำเสนอฉากการวิ่งหนีผี ซึ่งทีมผู้สร้างและนักแสดงพยายามคิดค้นวิธีการหนีผีต่าง ๆ นานา เพื่อเรียกเสียงหัวเราะสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คือ ความสำเร็จของภาพยนตร์ชุด บ้านผีปอบ ย่อมสะท้อนให้เห็นรสนิยมของผู้ชมภาพยนตร์ไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะความนิยมในภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่างหนังผีกับหนังตลกหรือความน่ากลัวกับความน่าขบขันไว้ในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน
รสนิยมนี้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว เช่น หนังเรื่อง พรายตะเคียน ออกฉายเมื่อปี พ.ศ. 2483 (ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ ปี 2557) ก็มีฉากการวิ่งหนีผีแบบน่าตลกขบขันเป็นอย่างตลกสถานการณ์ ซึ่งน่าจะได้แบบอย่างมาจากมุกตลกสถานการณ์ต่าง ๆ ในหนังตลกจากต่างประเทศที่ฉายกันอยู่ทั่วโลก เมื่อจำเอามาใช้ต่อ ๆ กัน ก็กลายเป็นขนบการแสดงตลกอย่างที่เรียกว่าจำอวด จำอวดหนีผีในภาพยนตร์ไทย จึงสืบทอดมาเรื่อย ๆ ภาพยนตร์ผี แม่นาคพระโขนง ซึ่งสร้างมาก่อน พรายตะเคียน ไม่มีฟิล์มเหลือให้เราเห็น จึงไม่รู้ว่ามีจำอวดหนีผีหรือไม่ แต่ฉบับต่อ ๆ มาก็มักมีเสมอ จนแม้มาถึงฉบับที่สร้างปรากฏการณ์ในปัจจุบัน คือ พี่มากพระโขนง ก็ยังได้เห็นการวิ่งหนีผีแบบตลกโปกฮาจากเหล่าบรรดานักแสดงตลกในเรื่อง
ในช่วงที่ภาพยนตร์ชุด บ้านผีปอบ ออกฉาย ได้มีภาพยนตร์ผีหลาย ๆ เรื่องที่พยายามเลียนแบบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากเท่า บ้านผีปอบ ภาค 2 มีความสำคัญมากกว่าภาคอื่น ๆ ตรงที่เป็นภาคแรกที่แนะนำตัวละครปอบหยิบ ซึ่งรับบทแสดงโดย ณัฐนี สิทธิสมาน ซึ่งกลายเป็นตัวละครผีหลักในภาพยนตร์ชุดนี้ไปจนถึงภาคล่าสุด ท่าจีบมือของปอบตัวนี้ เป็นการสร้างเอกลักษณ์สำคัญประจำตัว ซึ่งจะเป็นภาพจำอยู่ในความทรงจำของผู้คนสืบไปแม้จะมีการสร้างสรรค์ผีปอบตัวอื่น ๆ ขึ้นมาก็ไม่ได้รับความนิยมเท่า ตัวละครปอบหยิบยังได้รับความนิยมนอกเหนือจากในภาพยนตร์ชุดนี้แล้ว ยังไปปรากฏตัวในภาพยนตร์และละครเรื่องอื่น ๆ รวมไปถึงสื่อโฆษณาสินค้าต่าง ๆ ด้วย และกลายเป็นบทประจำตัวของนักแสดง ณัฐนี สิทธิสมาน ที่ยังอยู่ในทรงจำของผู้ชมภาพยนตร์ไทยทุกคน