นางสาวโพระดก เป็นผลงานภาพยนตร์ปี พ.ศ. 2508 ของ วิจิตร คุณาวุฒิ หรือ “คุณาวุฒิ” ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคนสำคัญและศิลปินแห่งชาติด้านภาพยนตร์คนแรกของประเทศ สร้างจากบทประพันธ์ของ สุวัฒน์ วรดิลก หรือ “รพีพร” นักเขียนผู้เพิ่งประสบความสำเร็จจากนวนิยายเรื่อง “ลูกทาส” ที่นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เมื่อ พ.ศ. 2507 โดยรพีพรได้ลองเขียนนวนิยายเรื่อง “นางสาวโพระดก” เพื่อให้เป็น “เรื่องสำหรับผู้หญิงอ่าน” เนื่องจากในเวลานั้น เรื่องแนวนี้กำลังได้รับความนิยมจากนักอ่านหญิงที่มีจำนวนมาก และเพียงแค่ตีพิมพ์ตอนแรกลงในหนังสือพิมพ์เดลิเมล์วันจันทร์ คุณาวุฒิก็ได้ติดต่อขอจองเรื่องมาสร้างเป็นภาพยนตร์
นางสาวโพระดก
นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา และ พิศมัย วิไลศักดิ์ เล่าเรื่องราวของ โพระดก สกุณา
สาวน้อยผู้ต้องผจญกับกิเลสตัณหาของมนุษย์ ทั้งจากน้องสาวของพ่อเลี้ยง
ผู้ริษยาที่เธอมีส่วนในมรดก จึงคบคิดให้หลานชายจับเธอมาเป็นภรรยา ทั้ง ๆ
ที่เขามีเมียลับอยู่แล้ว ในขณะเดียวกัน คุณหญิงพิณ แม่ของเธอ
ยังลักลอบมีสัมพันธ์กับทนายความประจำครอบครัว ต่อมา
โพระดกได้ไปยังไร่กระต่ายเต้นของเพื่อนรักชื่อ สายสมร ที่ฉะเชิงเทรา และได้พบกับ
ศล ทองปราย ทนายหนุ่มรูปงาม ผู้ได้รับการอุปการะจาก สายใจ แม่ของสายสมร
ทั้งคู่มีความประทับใจต่อกัน เมื่อโพระดกกลับมายังกรุงเทพฯ
สายใจซึ่งตรอมใจจากการที่ศลไม่รับรัก ได้สิ้นชีวิตลง ในพินัยกรรม
เธอได้กำหนดให้ศลต้องแต่งงานกับสายสมร ศลจึงหนีมาสารภาพรักกับโพระดก
สองสาวเพื่อนรักจึงผิดใจกัน พร้อม ๆ กับสถานการณ์ในบ้านของโพระดกที่กำลังตึงเครียด
ท่ามกลางความสัมพันธ์ของตัวละครมากมาย คุณาวุฒิได้แสดงฝีมือในการเล่าเรื่องราวอันซับซ้อนให้กระชับและเพลิดเพลิน ด้วยการรับหน้าที่ทั้งเขียนบท กำกับ และตัดต่อ และแม้จะถ่ายทำเป็นภาพยนตร์พากย์ 16 มม. ตามขนบหนังไทยในยุคนั้น แต่ นางสาวโพระดก กลับมีความแตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ อย่างเด่นชัด ทั้งการไม่ใช้ดาราตลกเป็นตัวชูโรง งานสร้างที่เต็มไปด้วยความประณีตพิถีพิถัน และเทคนิคการถ่ายทำที่มุ่งเน้นการใช้ศิลปะภาพยนตร์ชั้นสูงเพื่อสื่อความหมาย อย่างเช่นในฉากที่คุณหญิงพิณกำลังจะสิ้นใจ คุณาวุฒิเลือกตัดภาพจากภายในห้องที่นางเอกกำลังร้องเพลง “โพระดก” กล่อมแม่ ออกมาเป็นภาพด้านนอก ให้ผู้ชมเห็นเพียงบ้านทั้งหลังตั้งอยู่ในความมืดท่ามกลางท้องฟ้าที่กำลังคะนอง ทันใดนั้นไฟในบ้านก็สว่างขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ดับลงอย่างช้า ๆ คลอไปกับเสียงเพลงโพระดกที่แม่เคยร้องกล่อมลูกเมื่อยังเด็ก ฉากการตายที่ไม่เห็นแม้แต่ภาพตัวละครร้องไห้นี้ ได้เรียกน้ำตาจากทั้งผู้ชมและผู้พากย์จนกลายเป็นที่เลื่องลือ ทั้งยังแสดงให้เห็นว่า ภายใต้เนื้อหาที่เป็นหนังรักกระจุ๋มกระจิ๋ม คุณาวุฒิกลับสามารถสอดแทรกความเป็นนักมนุษยนิยมที่เขามีอยู่เต็มเปี่ยม ออกมาได้อย่างลุ่มลึกและลงตัว
ในขณะนั้น คุณาวุฒิมีฉายาว่า “เศรษฐีตุ๊กตาทอง” จากการคว้ารางวัลพระสุรัสวดี หรือตุ๊กตาทองมาแล้วถึง ๗ รางวัล ในหลากหลายสาขา ภายในเวลาเพียง 4 ปี แต่กลับยังไม่เคยเป็นเศรษฐีเงินล้าน เพราะหนังที่เขาลงทุนสร้างเอง ไม่เคยประสบความสำเร็จด้านรายได้เหมือนประสบความสำเร็จด้านรางวัล ในขณะที่เวลารับจ้างกำกับให้ผู้อื่น ภาพยนตร์นั้นกลับทำเงินล้านได้เป็นประจำ จนกระทั่ง นางสาวโพระดก ได้กลายเป็นผลงานเรื่องแรกที่เขาและครอบครัวลงทุนสร้างในนามบริษัทแหลมทองภาพยนตร์ และได้เงินล้านกลับคืนให้ชื่นใจ รวมทั้งทำให้เขาสามารถคว้ารางวัลตุ๊กตาทอง สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และกำกับการแสดงยอดเยี่ยมมาครองได้ ในขณะที่ภาพยนตร์ยังได้รับอีก 2 รางวัล คือ ตุ๊กตาทอง สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม โดย ชโลทร และตุ๊กตาเงิน สาขาบทเสริมยอดเด่น โดย น้ำเงิน บุญหนัก นางสาวโพระดก จึงเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐีทั้งสองทางอย่างแท้จริง
วิจิตร คุณาวุฒิ ไม่เคยปิดบังความใฝ่ฝันที่จะสร้างภาพยนตร์อันถึงพร้อมด้วยวิจิตรศิลป์และคุณค่าแห่งชีวิตธรรมดาสามัญ นอกเหนือไปจากงานพาณิชยศิลป์ที่ต้องทำเพื่อเลี้ยงครอบครัว อย่างที่ปรากฏในสูจิบัตรภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า มีบทความถึง 2 ชิ้น ที่กล่าวเทียบตัวเขากับ สัตยาจิต เรย์ ผู้กำกับชั้นครูของอินเดีย ที่มุ่งเน้นถ่ายทอดสัจธรรมแห่งความเป็นมนุษย์ แม้ นางสาวโพระดก จะยังไกลห่างจากอุดมคติที่เขาวาดหวังด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่ต้องรออีกเกือบถึง 20 ปี เขาจึงจะทำได้สำเร็จใน คนภูเขา (2522) และ ลูกอีสาน (2525) แต่ภาพยนตร์ 16 มม. เรื่องนี้ ได้เป็นหลักหมายและยาชูใจสำคัญ ที่ผู้กำกับภาพยนตร์ผู้มีศักยภาพและอุดมการณ์สูงส่งที่สุดคนหนึ่งของไทย ลงทุนลงแรงสร้างไว้ด้วยความรัก ในช่วงที่เขากำลังรุ่งโรจน์ไปพร้อม ๆ กับดิ้นรนต่อสู้กับอุปสรรคขวากหนาม และมายาคติมากมายในวงการภาพยนตร์ไทย
นางสาวโพระดก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ
ประจำปี 2562 และหอภาพยนตร์จะนำมาจัดฉายให้ท่านได้ชมอีกครั้งในวันอังคารที่ 21 มกราคม 2563
เวลา 15.00 น. ณ โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรับชม