ในช่วงเวลาที่โควิด-19 ยังอยู่กับสังคมไทย ร่วมย้อนชมเรื่องราวของโรคระบาดต่าง ๆ ในอดีต ผ่านภาพยนตร์ที่หอภาพยนตร์อนุรักษ์ไว้
----------
โดย ฝ่ายอนุรักษ์
*ปรับปรุงเนื้อหาจากฉบับที่เผยแพร่ในจดหมายข่าวหอภาพยนตร์ ฉบับที่ 57 พฤษภาคม-มิถุนายน 2563
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โควิด-19 คือโรคระบาดที่รุนแรงที่สุดไปแล้วสำหรับคนในยุคนี้ จากผลกระทบมากมายที่เกิดขึ้นกับคนทั้งด้านสุขภาพ สังคมและเศรษฐกิจอย่างที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันจึงอยากจะพาผู้อ่านไปรู้จักกับโรคระบาดต่าง ๆ ในอดีตผ่านภาพยนตร์ที่หอภาพยนตร์ทำการอนุรักษ์ ภาพยนตร์ที่นอกจากจะทำให้เราได้เห็นและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาดต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทยซึ่งรุนแรงพอจะทำให้เกิดภาพยนตร์เรื่องหนึ่งขึ้นมา ยังทำให้เราได้เห็นวิวัฒนาการทางการแพทย์และการสาธารณสุขของไทยอีกด้วย
หมายเหตุ: ปีสร้างที่อยูใน [...] เป็นปีที่หอภาพยนตร์สันนิษฐานขึ้น เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน
การบริการสาธารณสุข
ปีสร้าง: 2526
ผู้สร้าง: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ก่อนหน้าโรคระบาดอย่างโควิด-19 โรคระบาดที่ติดต่อกันทางอากาศจากคนสู่คน ซึ่งกลืนกินมนุษยชาติมายาวนานนับพันปี ที่น่ากลัวไม่แพ้กันคือ วัณโรค โรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ ที่ยังคงคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกนับล้านในทุกปี โรคซึ่งยังเป็นอันตรายที่อยู่รอบตัวเราและมีการกลายพันธุ์อันน่าประหวั่นพรั่นพรึง มีคนไทยที่ยังเสียชีวิตด้วยโรคนี้นับพันรายต่อปี ในประเทศไทยนั้นมีการตระหนักรู้ถึงภัยร้ายของโรคนี้มาเนิ่นนาน จากหลักฐานในสื่อรณรงค์ต่าง ๆ ซึ่งที่หอภาพยนตร์เองพบว่ามีภาพยนตร์เรื่อง การบริการสาธารณสุข ภาพยนตร์เพื่อการศึกษาซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่ให้ความรู้เรื่องวัณโรคและการรักษา ในสมัยที่คนไทยเริ่มเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้น แต่การรักษาพยาบาลที่ดีก็ยังถูกจำกัดอยู่แค่ในเขตเมืองหลวงมากกว่าในต่างจังหวัดหรือชนบทอันห่างไกล ซึ่งหากมองย้อนดูการเข้าถึงการแพทย์ที่ดีของคนไทยในเวลานั้นกับเวลานี้ สิ่งที่น่ากังวลกว่าวัณโรคคือการกระจายความเจริญด้านการแพทย์ที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเวลานั้นเท่าใดนัก
มรดกพระจอมเกล้า
ปีสร้าง : 2497
ผู้สร้าง : สำนักข่าวสารอเมริกัน กรุงเทพฯ
ในบรรดาโรคระบาดที่น่ากลัวในอดีต โรคไข้ทรพิษหรือโรคฝีดาษ คือโรคที่น่ากลัวมากที่สุดโรคหนึ่ง ซึ่งคร่าชีวิตคนไทยนับพันนับหมื่นทุกครั้งที่เกิดการระบาดตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในช่วงของรัชกาลที่ 3 ที่โรคนี้มีบันทึกถึงการระบาดที่รุนแรง จนครั้งหนึ่งเหตุการณ์นี้ได้ถูกนำมาบอกเล่าเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ของสำนักข่าวสารอเมริกันเรื่อง มรดกพระจอมเกล้า เพื่อให้คนไทยในยุคสงครามเย็นได้เห็นถึงวิกฤติโรคร้ายท่ามกลางความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกาในอดีต โดยภาพยนตร์ได้เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครั้ง
พระวชิรญาณเถระ (รัชกาลที่ 4 ในเวลาต่อมา) ทรงงานร่วมกับหมอบรัดเลย์ นายแพทย์มิชชันนารีชาวอเมริกัน ในการคิดค้นวิธีการปลูกฝีเพื่อช่วยเหลือราษฎรให้พ้นจากภัยไข้ทรพิษระบาด นับเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้คนไทยในสมัยก่อนได้ตระหนักรู้ถึงโรคร้ายและพระมหากรุณาธิคุณด้านการแพทย์ของรัชกาลที่ 4 แต่ที่มากไปกว่านั้นคือการใช้ภาพยนตร์และเรื่องราวในอดีตมาเป็นเครื่องมือในทางการเมืองชวนเชื่อให้คนไทยโอบรับมหามิตรจากอเมริกา เพื่อเข้าข้างอุดมการณ์ที่จะต่อสู้กับภัยที่กำลังระบาดหนักราวกับโรคร้ายในช่วงเวลานั้นอย่างคอมมิวนิสต์ได้อย่างแนบเนียน
แสงช่วยเราอย่างไร
ปีสร้าง : [2498]
ผู้สร้าง : สำนักข่าวสารอเมริกัน กรุงเทพฯ
ชมภาพยนตร์ <คลิก>
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บและการแพทย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลังการพัฒนากล้องจุลทรรศน์และค้นพบจุลินทรีย์ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อยู่ในสถานที่ทุกหนแห่ง เช่น ในบ่อน้ำฝน ปาก ลำไส้ และในอุจจาระ โดย Antoni van Leeuwenhoek นักประดิษฐ์ชาวเนเธอร์แลนด์ ในช่วงทศวรรษ 1650-1660 มนุษย์ได้ศึกษา ทดลอง เรียนรู้ และหาหนทางแก้ไขในสาเหตุแห่งความเจ็บป่วยอันเกิดขึ้นจากเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา
ภาพยนตร์เรื่องแสงช่วยเราอย่างไร เป็นการนำภาพยนตร์ที่สร้างสำหรับหลายประเทศมาลงเสียงพากย์ภาษาไทย อธิบายถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่อยู่รอบตัวเราและเป็นสาเหตุหนึ่งของความเจ็บป่วย โดยใช้การนำเสนอผ่านลายเส้นสะอาดตาและการยกตัวอย่างที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้ชมภาพยนตร์ได้คำนึงถึงความสำคัญของการรักษาความสะอาดและสุขอนามัยในชีวิตประจำวัน ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การใช้สุขาที่ได้มาตรฐาน การระมัดระวังการปนเปื้อนของอาหาร การล้างมือ การงดใช้ห้องและสถานที่ร่วมกับผู้ป่วย การใช้มุ้งป้องกันยุงและแมลงกัด การต้มน้ำเพื่อดื่ม และการออกแบบบ้านให้อากาศถ่ายเทและแสงแดดส่องถึง
อวสานของโรคร้าย
ปีสร้าง : [2500]
ผู้สร้าง : สำนักข่าวสารอเมริกัน กรุงเทพฯ
ยุงเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ แต่กลับอันตรายและคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกได้นับแสนรายต่อปีจากโรคต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือโรคมาลาเรีย โรคที่มักพบการติดต่อและระบาดในประเทศเขตร้อน เช่นในประเทศไทยที่พบการระบาดของโรคนี้อย่างมากในอดีต อย่างที่จะเห็นได้จากภาพยนตร์เรื่อง อวสานของโรคร้าย ภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนในสมัยที่พิษภัยของมาลาเรียนั้นระบาดหนักในไทยอยู่หลายสิบปี มีผู้ติดเชื้อนับล้านคนต่อปีและคร่าชีวิตคนไทยไปมากกว่า 30,000 คนต่อปี จากตัวร้ายอย่างยุงก้นปล่องที่เป็นพาหะนำโรคจากคนสู่คน ทำให้ในปี พ.ศ. 2493 กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับทางองค์การบริหารการร่วมมือกับต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาจัดตั้งหน่วยควบคุมไข้มาลาเรียขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ เพื่ออบรมเจ้าหน้าที่ออกให้ความรู้เรื่องโรคมาลาเรียกับชาวบ้าน มีการตรวจ การรักษา และการช่วยชาวบ้านป้องกันด้วยการพ่นยาดีดีทีตามบ้าน จนทำให้ตัวเลขของผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคนี้ลดลงเรื่อยมานับแต่นั้น
A Pilot Project for the Control of Filariasis in Thailand
ปีสร้าง: 2505
ผู้สร้าง: คณะอายุรศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
จำนวนผู้ป่วยโรคเท้าช้างในประเทศไทยมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง จากในอดีตที่มียอดผู้ป่วยสะสมกว่า 300 คนต่อปี โดยเฉพาะในพื้นที่รอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน และพื้นที่ภาคใต้ซึ่งมีภูมิประเทศเอื้อต่อการแพร่พันธุ์ของพาหะสำคัญ คือยุงที่มีตัวอ่อนพยาธิตัวกลม ภาพยนตร์เรื่องนี้จัดทำโดยสถาบันอายุรศาสตร์เขตร้อนและโรคประจำถิ่น คณะอายุรศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ปัจจุบันคือคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล) เป็นการบันทึกโครงการนำร่องเพื่อควบคุมโรคเท้าช้างในประเทศไทย โดยมีหมู่บ้านใน อ. กาญจนดิษฐ์ จ. สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดสูง เป็นเป้าหมายที่ถูกเลือกเพื่อปฏิบัติการ คณะผู้วิจัยนำโดยคณบดีนายแพทย์จำลอง หะริณสุต โดยสารรถไฟลงที่สถานีสุราษฎร์ธานี และต่อเรือซึ่งเป็นวิธีเดินทางเดียวไปที่หมู่บ้าน ใช้อาคารไม้จารึกชื่อ “หน่วยวิจัยโรคเท้าช้าง คณะอายุรศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์” เป็นฐานการทำงาน คณะวิจัยทำงานตรวจเลือดคนในหมู่บ้านซึ่งมีประชากรทั้งสิ้น 1,023 คน เช่นเดียวกับสุนัขและแมวที่ใกล้ชิดกับมนุษย์และสามารถเป็นพาหะของพยาธิได้เช่นกัน ผู้มีผลเลือดระยะตัวอ่อนพยาธิและผู้ป่วยจะได้รับยาในขนาดและระยะเวลาที่กำหนด ในตอนท้ายเป็นการสรุปผลซึ่งสามารถลดได้ทั้งอัตราผู้มีผลเลือดระยะตัวอ่อนของพยาธิและระยะติดเชื้อพยาธิ นับเป็นก้าวหนึ่งของการศึกษาวิธีป้องกันโรคเท้าช้างของประเทศไทยมาจนปัจจุบัน
Surveying on Leptospirosis in Southern Thailand on March 28 to April 6 1964
ปีสร้าง: 2507
ผู้สร้าง: คณะอายุรศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2507 คณะอายุรศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในวิชาการรักษาและป้องกันโรคเขตร้อนได้จัดตั้งคณะสำรวจการติดเชื้อเลปโตสไปโรสิสในเขตภาคใต้ ขบวนสำรวจใช้รถแลนด์โรเวอร์ 2 คัน เดินทางสู่จุดหมายต่าง ๆ ในเส้นทางภาคใต้เพื่อเก็บข้อมูลและตรวจเลือดประชาชน ตามลำดับของสถานที่ที่ปรากฏ คือ โรงพยาบาลชุมพร โรงแรมรัตนสิน จ. ระนอง โรงพยาบาลตะกั่วป่า โรงพยาบาลกระบี่ โรงพยาบาลตรัง แวะพักผ่อนบริเวณน้ำตกกะช่อง โรงพยาบาลพัทลุง ศูนย์อนามัยชนบท จ. สงขลา ข้ามด่านชายแดนสะเดา ศาลาว่าการเมืองปีนัง โรงแรม Pathe วัดถ้ำ Perak ก่อนจะสิ้นสุดการเดินทางที่ด่านพรมแดนเบตง
จนถึงปัจจุบัน โรคไข้ฉี่หนูหรือโรคเลปโตสไปโรสิสยังเป็นโรคประจำถิ่นที่สำคัญของไทย โดยมีหนูเป็นพาหะที่สำคัญ ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยโรคเลปโตสไปโรสิสเฉลี่ยปีละประมาณ 3,000- 4,000 ราย แต่ก็มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องทั้งอัตราการป่วยและอัตราการตาย อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่มีส่วนเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อได้คือการเกิดอุทกภัย ซึ่งจะเพิ่มอัตราการรับเชื้อจากการแช่น้ำที่ปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์ที่มีเชื้อ