ฟิล์ม 16 มม. / ขาวดำ / เสียง / ความยาว 36 นาที
ผู้สร้าง สถานีโทรทัศน์กองทัพบก
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
ในฐานะหัวหน้าคณะปฏิวัติทำการรัฐประหารรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม
มาตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 และต่อมาได้รัฐประหารรัฐบาล จอมพล ถนอม
กิตติขจร อีกครั้งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2501 เพื่อขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
โดยได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้เริ่มเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ 9
กุมภาพันธ์ 2502
และประกาศตัวว่าเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติและหัวหน้ารัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จอมพล
สฤษดิ์ มักจะปรากฏตัวทางโทรทัศน์และวิทยุเพื่อแถลงการณ์หรือกล่าวรายงาน
กล่าวคำปราศรัย ในโอกาสต่าง ๆ แก่ประชาชนเสมอ และด้วยบุคลิกท่าทีแข็งกร้าว
เอาจริงเอาจัง ขึงขัง พูดเสียงดัง และเรียกตัวเองว่าข้าพเจ้า
เรียกผู้ฟังว่าเพื่อนร่วมชาติและมิตรร่วมชีวิต ทำให้ประชาชนจดจำได้ทันที
โดยเฉพาะวลีที่กลายเป็นคำพูดประจำตัว คือ “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว”
ซึ่งมีผู้ที่ประทับใจ เห็นว่าจอมพล สฤษดิ์
เป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาปราบทุกข์เข็ญและภัยของบ้านเมือง
หอภาพยนตร์ได้รับมอบภาพยนตร์บันทึกคำปราศรัยหรือแถลงการณ์ของจอมพล
สฤษดิ์ จำนวนหนึ่ง จากสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5
โดยเป็นภาพยนตร์ที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ซึ่งขณะนั้นคือ ช่อง 7
อันเป็นสถานีที่รัฐบาลของคณะปฏิวัติของจอมพล สฤษดิ์ จัดตั้งขึ้น เป็นผู้ถ่ายทำ
และออกอากาศทางสถานีนั้น ในบรรดาภาพยนตร์ชุดดังกล่าวเท่าที่มีหลงเหลืออยู่
เรื่องที่โดดเด่นที่สุดคือ ภาพยนตร์บันทึกคำปราศรัยในวันครบรอบปีที่ 2
แห่งการปฏิวัติ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2503 อันเป็นการสรุปผลการทำงานในช่วง 2
ปีที่จอมพล สฤษดิ์ได้ดำเนินการวางแผนโครงการเศรษฐกิจและการศึกษา
ซึ่งเตรียมปฏิบัติใช้จริงในปี 2504
ภาพยนตร์จัดฉากถ่ายทำในห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี
สันนิษฐานว่าเป็นที่ทำเนียบรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์นั่งที่โต๊ะทำงาน
หันหน้าตรงมาทางกล้องหรือผู้ชม ด้านหลังโต๊ะเป็นตู้หนังสือ
มีธงชาติตั้งประดับสองข้างโต๊ะ หลังตู้มีโล่ตราสำนักนายกรัฐมนตรี
เหนือขึ้นไปบนผนังประดับพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 9
โดยนายกรัฐมนตรีถือปึกกระดาษในมือเพื่ออ่านปราศรัย
ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับภาพยนตร์บันทึกคำปราศรัยหรือแถลงการณ์ของจอมพล สฤษดิ์
เรื่องอื่น ๆ ที่หอภาพยนตร์พบ กล่าวเฉพาะเรื่องนี้
ภาพยนตร์ได้ถ่ายทอดให้เห็นภาพและเสียงของจอมพล สฤษดิ์ อ่านรายงานผลงานของรัฐบาลสมัยปฏิวัติในรอบสองปีที่ผ่านมาให้ประชาชนทราบ
ไปทีละกระทรวง ว่าได้ทำอะไรสำเร็จบ้าง
มีการตัดไปที่ภาพยนตร์และภาพนิ่งประกอบเนื้อหาตามเสียงรายงานของนายก
สลับไปมากับภาพนายกรัฐมนตรีอ่านรายงาน อย่างไรก็ตาม
ภาพยนตร์ที่หอภาพยนตร์ได้รับมานี้ เปิดเรื่องมาด้วยภาพจอมพล สฤษดิ์
กล่าวไปพอสมควรแล้ว เมื่อตรวจสอบจากเอกสารประมวลสุนทรพจน์ของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
พ.ศ. 2502 – 2504 พบว่าคำปราศรัยนี้ยาวถึง 13 หน้ากระดาษ
และส่วนที่ขาดหายไปจากภาพยนตร์นั้น กินความยาวไปประมาณเกือบ 5 หน้า
นอกจากผลงานต่าง ๆ ของรัฐบาล เนื้อหาสำคัญคือการที่
จอมพล สฤษดิ์ ได้กล่าวถึงว่า
ข้าพเจ้ามารับงานของประเทศชาติในเวลาที่เหลือแต่กระดูก เนื้อหนังได้หมดไปเสียแล้ว
จึงต้องมาสร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่ ซึ่งการจะสร้างตัวขึ้นมาได้นั้นต้องใช้เวลานาน
ไม่สามารถเอาเงินมาหว่านแจกเพื่อหาเสียงหาคะแนนนิยมได้ เพราะเงินนั้นหมดไปนานแล้ว
และจะไม่ยอมให้มีใครร่ำรวยขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีด้วยการให้อภิสิทธิ์ การโกงกิน
การที่จะสร้างเนื้อหนังขึ้นมาใหม่จึงต้องมีการจัดตั้งสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งเป็นการเริ่มมีแผนพัฒนาฉบับแรกของประเทศ นอกจากนี้ยังย้ำว่ารัฐบาลสมัยปฏิวัติต้องการสร้างชนชั้นกลางให้เป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ
และสุดท้ายได้กล่าวให้คำขวัญ
“ที่พูดจากดวงใจของข้าพเจ้าฝากไว้กับดวงใจของท่านทั้งหลาย” ว่า
“งานปฏิวัติจะพัฒนาการประเทศไทยได้สำเร็จ
ก็เมื่อคนไทยทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในสมัยปฏิวัตินี้ ร่วมกันทำงานเพื่อบรรลุผลที่มุ่งหมาย”
ภาพยนตร์นี้นอกจากจะเป็นตัวอย่างของการกล่าวรายงานประชาชนของนายกรัฐมนตรีไทยทางสื่อโทรทัศน์ในกาลสมัยนั้น
ยังมีคุณค่าเป็นเอกสารประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตชีวา มีบุคลิกภาพ
มีอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งนักประวัติศาสตร์ไม่อาจศึกษาได้จากเอกสารอื่นใดเกี่ยวกับสมัยปฏิวัติของ
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
โดยเฉพาะในแง่ที่ถ่ายทอดให้เห็นถึงความสามารถในการเป็นนักปราศรัยของจอมพล สฤษดิ์
ที่คนไทยยุคหนึ่งเคยติดใจ
และยังเป็นอนุสรณ์ถึงผลพวงของการรัฐประหารครั้งที่กล่าวกันว่า
เป็นการล้างระบบทางการเมืองของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
ออกไปอย่างเด็ดขาด และสร้างระบอบประชาธิปไตยแบบ “ไทย ๆ” ขึ้นมาใหม่
ซึ่งดูเหมือนยังคงฝังรากมาจนถึงปัจจุบัน